ข้อความต้นฉบับในหน้า
9.8 การโต้วาทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพุทธบริษัท
การโต้วาทธรรมนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก ในกรณีที่มีการจาบจ้วงคำสอนใน
พระพุทธศาสนาให้เสียหาย มีการกล่าวบิดเบือนไปจากความจริง การโต้วาทธรรมจะช่วย
ปกป้องพุทธธรรมไม่ให้มัวหมองได้และป้องกันความเสื่อมสูญของพระพุทธศาสนาได้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องนี้ไว้ในมหาปรินิพพานสูตรว่า ภารกิจสำคัญที่
พระองค์จะต้องทำให้สำเร็จก่อนปรินิพพานมี 2 ประการ คือ
1) ต้องฝึกให้ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกาของพระองค์เป็นผู้เฉียบแหลม แกล้ว
กล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว
สามารถบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ง่ายได้ แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์
ข่มขี่ปรับปวาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมได้
2) ต้องเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างขวาง แพร่หลาย เป็นปึกแผ่น
คำว่า “ปรับปวาท” อ่านว่า ปะรับปะวาด หมายถึง คำกล่าวของคนพวกอื่นหรือลัทธิ
อื่น, คำกล่าวโทษคัดค้านโต้แย้งของคนพวกอื่น ได้แก่ การกล่าวจาบจ้วงหรือโจมตีคำสอนใน
พระพุทธศาสนาโดยนักบวชต่างศาสนา เป็นต้น
ภารกิจประการแรกนั้นโดยสรุปแล้วคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องฝึกพุทธบริษัททั้ง
4 ให้ถึงพร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธนั่นเอง และขอย้ำว่าจะต้องถึงพร้อมทั้ง 3 อย่าง จะ
อาศัยเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ กล่าวคือ หากศึกษาเพียงปริยัติ แต่ไม่ปฏิบัติก็มีโอกาสเป็น
ปริยัติงูพิษ เพียงแต่รู้จำรู้คิดแต่ไม่รู้แจ้ง มีโอกาสตีความคำสอนผิดพลาดได้ ส่วนการศึกษาปริยัติ
ก็เป็นเหมือนแผนที่นำทางในการปฏิบัติธรรม และที่สำคัญหากผลการปฏิบัติธรรมของเรายัง
ไม่ก้าวหน้าจนถึงระดับที่ค้นธรรมะภายในได้แล้ว ก็ยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษาปริยัติ คือ
พระไตรปิฎกควบคู่ไปกับการปฏิบัติด้วย เราจะได้ใช้หลักธรรมในพระไตรปิฎกนำทางชีวิตไป
ก่อนจนกว่าจะเข้าถึงธรรมเหล่านั้นภายในตัวได้
การที่พระพุทธองค์ประสงค์จะให้พุทธบริษัทศึกษาธรรมะให้แตกฉานนั้น พระองค์
ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พุทธบริษัทอวดภูมิรู้ภูมิธรรมด้วยการไปท้าผู้อื่นโต้วาทธรรมแข่งกัน
แต่พระองค์ต้องการให้พุทธบริษัทแตกฉานในธรรมะเพื่อสอนตัวเอง เพื่อโปรดชาวโลก และ
เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นหลัก
1 มหาปรินิพพานสูตร, ทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 13 ข้อ 102 หน้า 285.
บทที่ 9 ว า ท ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก
DOU 269