ข้อความต้นฉบับในหน้า
จาคะ และปัญญา และในทีฆชาณุสูตรพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอริยทรัพย์ไว้ 4 ประการ คือ ศรัทธา
ศีล จาคะ และปัญญา
จากที่กล่าวแล้วในบทที่ 4 ว่าธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกหมวดนั้น
สัมพันธ์กันหมดและสามารถย่อหรือขยายได้ หากย่อถึงที่สุดแล้วจะเหลือเพียงข้อเดียวคือ
“ความไม่ประมาท” หากขยายก็จะได้มากถึง “84,000 ข้อหรือพระธรรมขันธ์”
สำหรับอริยทรัพย์ 7 นั้น หากจะย่อให้เหลือ 5 ประการก็ได้ คือ จัด “หิริ” และ “โอต-
ตัปปะ” ไว้ในหมวด “ศีล” เพราะธรรมทั้งสองประการนี้เกี่ยวข้องกับการรักษาศีล ถ้าจะย่อ
อริยทรัพย์ 5 ให้เหลือ 4 ประการก็ได้คือจัด “สุตะ” ไว้ในหมวด “ปัญญา” เพราะสุตะเป็นเรื่อง
ของการแสวงหาความรู้เพื่อเพิ่มพูนปัญญา เป็นอันว่าอริยทรัพย์ 7 ก็ดี อริยทรัพย์ 5 ก็ดี หรือ
อริยทรัพย์ 4 ก็ดี
ก็ดี ก็คืออันเดียวกันเพียงแต่จะกล่าวโดยย่อหรือขยายเท่านั้น
8.2.3 ความสัมพันธ์ของอริยทรัพย์กับบุญกิริยาวัตถุ
นักศึกษาหลายท่านอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “บุญกิริยาวัตถุ” โดยเฉพาะบุญกิริยาวัตถุ 3
คือ ทาน ศีล ภาวนา และมักจะได้ยินได้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่า บุญอันเกิดจากการให้ทาน รักษาศีล
และเจริญภาวนานั้น จะเป็น “อริยทรัพย์” ติดตัวไปภพชาติเบื้องหน้า
ถามว่าอริยทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้นกับบุญกิริยาวัตถุมีความสัมพันธ์กันอย่างไรประเด็นนี้
ก็ทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้วคือ ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกหมวดนั้นสัมพันธ์กัน
หมดและสามารถย่อหรือขยายได้ ในที่นี้จะนำอริยทรัพย์ 4 คือ ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา
และบุญกิริยาวัตถุ 3 คือ ทาน ศีล ภาวนา มาเชื่อมโยงเข้าหากันดังนี้
อริยทรัพย์
ศรัทธา
บุญกิริยาวัตถุ
ศรัทธา
ך
ศีล
จาคะ
ปัญญา
ศีล
ทาน
ภาวนา
ธนสูตร, อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต, มก. เล่ม 36 ข้อ 47 หน้า 107.
ทีฆชาณุสูตร, อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต, มก. เล่ม 37 ข้อ 144 หน้า 560.
บทที่ 8 เศรษฐศาสตร์ใน พระไตรปิฎก
DOU 203