นิติศาสตร์ในพระไตรปิฎก GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 173
หน้าที่ 173 / 373

สรุปเนื้อหา

นิติศาสตร์ในพระไตรปิฎกเน้นศึกษาพระวินัยหรือศีลที่มีผลต่อการควบคุมพฤติกรรมของพระภิกษุ ซึ่งรวม 227 สิกขาบท มีการชี้แจงรายละเอียดให้เข้าใจชัดเจน ด้วยการประชุมเพื่อทบทวนทุก 15 วัน ทำให้พระภิกษุสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง แม้ต่างจากกฎหมายทางโลกที่ไม่ได้มีระบบการเรียนรู้เช่นนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อกำหนดพฤติกรรมที่เหมาะสมของพระภิกษุ และไม่มีการปรับความผิดย้อนหลังเมื่อมีการบัญญัติใหม่

หัวข้อประเด็น

-บทนำเกี่ยวกับนิติศาสตร์ในพระไตรปิฎก
-พระวินัยและความสำคัญในพระภิกษุ
-การประชุมและทบทวนพระวินัย
-ความแตกต่างกับกฎหมายทางโลก
-ลักษณะพิเศษของสิกขาบท

ข้อความต้นฉบับในหน้า

การทดลองการแผ่เมตาให้ต้น ไม้ การ บทท 77 วิทยาอย นิติศาสตร์ในพระไตรปิฎก 7.1 ภาพรวมนิติศาสตร์ในพระไตรปิฎก กลุ่มควบคุม นิติศาสตร์ในพระไตรปิฎกนั้นกล่าวถึง “พระวินัยหรือศีล” ของพระภิกษุเป็นหลัก โดย เฉพาะพระวินัย 227 สิกขาบท อันมีมาในพระปาฏิโมกข์ เพราะเป็นกฎระเบียบสำหรับควบคุม ความประพฤติทางกายและวาจาของพระภิกษุให้เรียบร้อย ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ กับกฎหมาย ในทางโลกอันเป็นกฎที่ควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม พระวินัยแต่ละสิกขาบทนั้นมีการแจงแจงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่า คำแต่ละคำที่เป็น พุทธบัญญัตินั้นมีความหมายอย่างไรได้บ้าง และชี้ชัดว่ามุ่งถึงความหมายใดเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อให้ พระภิกษุมีความเข้าใจอย่างชัดเจนไม่คลุมเครือ ส่งผลให้ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งของพระวินัยก็คือพระภิกษุทุกรูปจะต้องเข้าร่วมประชุมทบทวนพระ วินัยทุก 15 วัน เพื่อให้จำได้อย่างแม่นยำ ซึ่งต่างกับกฎหมายทางโลกที่ไม่มีระบบการศึกษา ทบทวนอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ แต่ละประเทศจึงมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่รู้กฎหมาย สิกขาบททั้ง 227 ข้อ รวมทั้งสิกขาบทปลีกย่อยอื่น ๆ นั้นเป็นพุทธบัญญัติทั้งสิ้น กล่าว คือ เมื่อมีเหตุที่ไม่เหมาะสมจากการกระทำของพระภิกษุเกิดขึ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทรง เรียกประชุมสงฆ์ สอบถามเรื่องราว ตำหนิผู้กระทำความผิด แจกแจงให้ทราบว่าการกระทำนั้น ไม่เหมาะสม มีโทษอย่างไร แล้วทรงบัญญัติพระวินัยขึ้น ห้ามมิให้พระภิกษุกระทำพฤติกรรมอย่าง นั้นอีก พร้อมกำหนดโทษว่า หากภิกษุรูปใดฝืนไปกระทำ จะมีโทษอย่างไร ส่วนภิกษุที่เป็นเหตุ ต้นบัญญัตินั้นถือว่ายังไม่ต้องรับโทษ เพราะในขณะกระทำการนั้นยังไม่มีบทบัญญัติห้าม พระองค์ไม่ปรับความผิดย้อนหลัง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยขึ้นทีละข้อตาม เหตุที่เกิดขึ้นอย่างนี้ ส่วนพระสาวกเป็นผู้ศึกษาและปฏิบัติตามเท่านั้น ซึ่งต่างกับการบัญญัติ กฎหมายในทางโลกที่จะมีการประชุมระดมความคิดกันจากนักกฎหมายจำนวนมาก และนำ เสนอเพื่ออนุมัติจากรัฐสภา หากรัฐสภาเห็นชอบก็สามารถนำกฎหมายนั้นๆ มาบังคับใช้ได้ เหตุที่สิกขาบททุกข้อเป็นพุทธบัญญัติล้วนทำให้มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นกรอบแห่งความ 162 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More