ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่เราต้องตระหนัก คือ ไม่มีสิ่งใดในเอกภพนี้ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่
เราอาจจะคิดว่าเรายืนนิ่งอยู่ที่บ้าน แต่ที่จริงแล้วบ้านตั้งอยู่บนโลกที่เคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์
เราอาจคิดว่าดวงอาทิตย์อยู่นิ่งเป็นศูนย์กลางระบบสุริยะ แต่ที่จริงแล้วระบบสุริยะเคลื่อนไป
รอบกาแล็กซีทางช้างเผือก และกาแล็กซีทางช้างเผือกรวมทั้งกาแล็กซีทั้งหลายในเอกภพกำลัง
เคลื่อนที่หนีห่างจากกันตลอดเวลา ดังนั้นทุกทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพจึงกำลังเคลื่อนที่ และ
ทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพนี้ สามารถนำมาใช้เป็นกรอบอ้างอิงได้ทั้งหมด
ผลของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ
ผลของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ทำให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจความจริงของโลกและ
ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสสารกับ
พลังงาน, เรื่องความยาว, เรื่องเวลา และกาลอวกาศมี 4 มิติที่เป็นเนื้อเดียวกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างสสารกับพลังงาน
นักศึกษาหลายท่านคงจะรู้จักสมการ E=mc” ซึ่งเป็นสมการที่แสดงความสัมพันธ์
ระหว่างสสารกับพลังงานอันโด่งดังของไอน์สไตน์ดี
E หมายถึง พลังงาน
m หมายถึง มวลของสสาร
• หมายถึง ความเร็วของแสง ประมาณ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที
สมการ E=mc นี้บอกเราว่า มวลและพลังงานแปลงกลับไปกลับมาซึ่งกันและกันได้
และเนื่องจากความเร็วของแสงมีค่าสูงมาก ยิ่งยกกำลังสองก็ยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้
มวลเพียงเล็กน้อยจึงสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานมหาศาลได้ระเบิดลิตเติ้ลบอย (The Little Boy)
ที่ถูกนำไปทิ้งที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น มีความยาว 3 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 71 เซนติเมตร
และบรรจุธาตุยูเรเนียมซึ่งจะถูกแปลงไปเป็นพลังงานระเบิดเพียง 64 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ระเบิด
ลูกนี้เมื่อถูกนำไปทิ้งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันที 70,000 คน และคาดว่ายังมีผู้เสียชีวิตจาก
กัมมันตภาพรังสีของระเบิดดังกล่าวในเวลาต่อมาอีกไม่น้อยกว่า 100,000 คน ส่วนผู้ที่รอดชีวิตก็
อยู่อย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัส
เมื่อมวลของสสารเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ พลังงานก็เปลี่ยน
ลี่ยนเป็นมวลของสสารได้
1 วิกิพีเดีย. (2550), “ลิตเติ้ลบอย (The Little Boy).” [ออนไลน์]. แหล่งที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/
ลิตเติลบอย.
ามรู้พื้นฐานเรื่องเอกภพ DOU 47
บทที่ 3 ค ว า ม