ลำดับการใช้กฎหมายและความหมายของเศรษฐศาสตร์ GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 37
หน้าที่ 37 / 373

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายลำดับการใช้กฎหมายตามที่ระบุในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเริ่มจากกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรก่อนตามด้วยจารีตประเพณีและหลักกฎหมายทั่วไป ส่วนนิยามของเศรษฐศาสตร์จะถูกสำรวจร่วมกับการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ในการพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจนั้น เนื้อหายังนำเสนอความหมายของเศรษฐศาสตร์จากมุมมองของอัลเฟรด มาร์แชลล์ และนักเศรษฐศาสตร์ชื่ออื่นๆ ด้วย

หัวข้อประเด็น

-ลำดับการใช้กฎหมาย
-เศรษฐศาสตร์
-การผลิต
-การเลือกใช้ทรัพยากร
-ความหมายของเศรษฐกิจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ลำดับการใช้กฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 กำหนดให้ใช้กฎหมายที่บัญญัติขึ้น เป็นลายลักษณ์อักษรก่อน เมื่อไม่มีบทบัญญัติกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาปรับใช้กับคดีได้จึง ให้นำจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมาใช้ หากไม่มีจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นมาปรับใช้ได้ ก็ให้นำ เอาบทบัญญัติกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาปรับใช้อีกครั้งหนึ่งในฐานะที่เป็นบทกฎหมายที่ ใกล้เคียงอย่างยิ่ง หากไม่สามารถทำได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมอีก ก็ต้องนำหลักกฎหมาย ทั่วไปมาปรับใช้เป็นขั้นสุดท้าย 2.2.4 เศรษฐศาสตร์ 1.) ความหมายของเศรษฐศาสตร์ คำว่า เศรษฐศาสตร์ (Economics) มาจากภาษากรีกว่า Oikos แปลว่า ครัวเรือน และ nomos แปลว่า กฎระเบียบ ดังนั้นรวมกันแล้วจึงหมายความว่า “การจัดการในครัวเรือน” ส่วน คำว่า “เศรษฐกิจ” (Economy) มาจากภาษากรีก 2 คำรวมกันคือ Oikos หมายถึง บ้าน และ nemien หมายถึง การจัดการ ดังนั้น เศรษฐกิจ จึงหมายถึง “การจัดการบ้าน” จะเห็นว่าคำว่า เศรษฐกิจมีความหมายใกล้เคียงกับคำว่าเศรษฐศาสตร์มาก 1 อัลเฟรด มาร์แชลล์ (Alfred Marshall) กล่าวถึงความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์ไว้ว่า เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งในระดับบุคคลและสังคม ในการดำเนิน กิจกรรมทาง “เศรษฐกิจ” เพื่อการดำรงชีพให้ได้รับความสุขสมบูรณ์ ดังนั้นเศรษฐศาสตร์จึง เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องเศรษฐกิจนั่นเอง สำหรับการผลิต วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน ได้นิยามคำว่า เศรษฐศาสตร์ ไว้ว่า เศรษฐศาสตร์คือ ศาสตร์ที่ ศึกษาเกี่ยวกับการเลือกหนทางในการใช้ทรัพยากรการผลิตอันมีอยู่จำกัด สินค้าและบริการให้กับมนุษย์ซึ่งมีความต้องการอย่างไม่จำกัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด คำว่า “ทรัพยากร” หมายถึง สิ่งทั้งปวงอันเป็นทรัพย์ ซึ่ง “ทรัพย์” หมายถึง สิ่งที่ถือว่า มีค่า ได้แก่ วัตถุมีรูปร่าง เช่น เงินตรา, สิ่งอื่น ๆ หรือ วัตถุที่ไม่มีรูปร่าง เช่น ปัญญา เรียกว่า * จรินทร์ เทศวานิช. (2531), “หลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น” หน้า 2. * ณรงค์ ธนาวิภาส. (2542). “เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น” หน้า 10. 3 วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน. (2541). “เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น” หน้า 2. 26 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More