การแสดงธรรมโดยใช้อุปมาอุปไมย GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 264
หน้าที่ 264 / 373

สรุปเนื้อหา

การพูดโดยใช้อุปมาอุปไมยเป็นวิธีการสอนที่สำคัญในการทำให้ผู้เรียนเข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งมากขึ้น ผ่านการเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุ้นเคยหรือประสบการณ์ที่เคยมี การใช้ตัวอย่างที่ใกล้เคียงจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น ความดีและความชั่ว สำหรับคำสอนในพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงใช้วิธีนี้ในการสอนธรรมที่เกี่ยวกับจิตใจและสิ่งที่ต้องการให้ผู้เรียนตระหนักถึง วิธีการนี้มีความสำคัญและถูกใช้บ่อยในพระไตรปิฎกเพื่อช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพและเข้าใจได้ง่าย.

หัวข้อประเด็น

-อุปมาอุปไมย
-การสอนในพุทธศาสนา
-ความเข้าใจในธรรม
-การเปรียบเทียบเพื่อการศึกษา
-บทบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

9.6.3 แสดงธรรมโดยใช้อุปมาอุปไมยประกอบ คำว่า “อุปมา” หมายถึง สิ่งหรือข้อความที่ยกมาเปรียบเทียบ มักใช้เข้าคู่กับอุปไมยใน ประโยคเช่นเรื่องนี้มีอุปมาฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น ส่วนคำว่า “อุปไมย” หมายถึง สิ่งหรือข้อความที่ พึงเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นเพื่อให้เข้าใจแจ่มแจ้ง จากความหมายของคำว่า อุปมาและอุปไมย ข้างต้นจะเห็นว่าจุดประสงค์สำคัญของ การพูดโดยใช้อุปมาอุปไมย คือ “เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้ง” เพราะโดยหลักแล้วการที่มนุษย์ จะเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นความรู้ใหม่ที่ตนไม่เคยศึกษามาก่อน ผู้สอนจำเป็นต้องยก ตัวอย่างเรื่องต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกันซึ่งผู้เรียนเคยมีประสบการณ์มาเปรียบเทียบ จึงจะทำให้ ผู้เรียนเข้าใจในเรื่องใหม่นั้นได้ง่ายขึ้น หากหาตัวอย่างที่คล้ายๆ กันมาเปรียบเทียบไม่ได้ ก็ให้ ยกตัวอย่างที่ตรงกันข้ามมาเปรียบเทียบ เช่น มนุษย์เข้าใจและตระหนักถึงความดีมากขึ้น เมื่อ มีสิ่งที่ชั่วร้ายมาเปรียบเทียบ เราเรียกช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกว่าเป็น “กลางวัน” เพราะมันต่างจากตอน ”กลางคืน” ที่ไม่มีแสงอาทิตย์ เป็นต้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต ไม่เป็นวิสัยแห่งตรรกะ ละเอียด บัณฑิตเท่านั้นจึงจะรู้ได้....” เพราะพระธรรมคำสอน โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องภายในจิตใจ เช่น เรื่องอวิชชา กิเลส ตัณหา ศรัทธา สมาธิ ปัญญา เป็นต้น คำสอนเหล่านี้ไม่อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ด้วยเหตุนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึง จำเป็นต้องสอนโดยใช้อุปมาอุปไมยเปรียบเทียบเรื่องเหล่านี้กับสิ่งต่างๆ ที่พุทธบริษัทสามารถ มองเห็น ได้ด้วยตาเนื้อ หรือ เปรียบเทียบกับพื้นฐานความรู้เดิมของผู้ฟัง จึงจะทำให้เกิดการ เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งได้ ดังคำกล่าวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวกมักพูดถึงก่อน การยกอุปมาขึ้นแสดงว่า “วิญญูชนหรือคนฉลาดบางพวกในโลกนี้ย่อมเข้าใจความหมายแห่ง ถ้อยคำได้ด้วยอุปมาโวหาร” จากการค้นข้อมูลในพระไตรปิฎกภาษาไทย 45 เล่มด้วยคอมพิวเตอร์ พบคำว่า “อุปมา, อุปไมย, เปรียบเหมือน, เปรียบด้วย, เปรียบเทียบ, ฉันใด และ ฉันนั้น” รวม ๆ กันประมาณ 4,219 หน้า จึงชี้ให้เห็นว่า การพูดการเทศน์การสอนโดยใช้วิธีอุปมาอุปไมยนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวกให้ความสำคัญมาก พระพุทธองค์ทรงอุปมาร่างกายดุจเมืองบ้าง ดุจจอม 1 ราชบัณฑิตยสถาน (2525) พจนานุกรม (ฉบับอิเล็กทรอนิกส์). * มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ โอปัมมวรรค หลักการแสดงธรรมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล บทที่ 9 ว า ท ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 253
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More