ข้อความต้นฉบับในหน้า
ค่อนมาทางกลางของกาแล็กซีลักษณะแพนเค้กดังกล่าว ฉะนั้นเวลาเรามองออกไปก็จะเห็น
ดวงดาว “บริเวณขอบของกาแล็กซี” เป็นแถบทางช้างเผือกที่มีจำนวนดวงดาวมากกว่า “ด้าน
บนและล่างของกาแล็กซี” ดังนั้น แหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุก็ควรจะมาจากบริเวณขอบของ
กาแล็กซีมากกว่าจากด้านบนหรือล่างของมันด้วย
แต่เหตุใดแหล่งกำเนิดวิทยุที่ค้นพบจึงดูกระจัดกระจายทั่วท้องฟ้าไปหมดและคลื่นวิทยุที่
ได้รับล้วนแล้วแต่มีพลังสูงทั้งสิ้น มันสูงกว่าที่ได้รับจากกาแล็กซีแอนโดรเมดานับเป็นพันเท่า ซึ่ง
กาแล็กซีนี้อยู่ใกล้กับกาแล็กซีของเรามากที่สุด ด้วยเหตุนี้นักดาราศาสตร์ ส่วนใหญ่จึงสรุปว่า
คลื่นวิทยุเหล่านี้มาจากกาแล็กซีทางช้างเผือกของเราแน่นอน ไม่ได้มาจากกาแล็กซี่อื่น แต่ก็ยัง
ไม่รู้ว่าทำไมมันกระจัดกระจายกันมาทั่วท้องฟ้า ทั้งด้านบน ด้านล่าง และบริเวณขอบแนวกลาง
ของกาแล็กซีที่เป็นแถบทางช้างเผือก
3.4 หลุมดำสิ่งลึกลับในห้วงอวกาศ
3.4.1 ความหมายและประวัติของหลุมดำ
สตีเฟน ฮอว์กิ้ง ให้ความหมายของหลุมดำ (Black hole) ไว้ว่า ตามความเชื่อเดิม
หลุมดำคือเขตแดนที่อวกาศมีความโค้งงอมาก และแรงโน้มถ่วงมีกำลังสูงมากจนแสงไม่อาจ
เล็ดลอดออกมาได้ แต่ตามหลักความไม่แน่นอนของกลศาสตร์ควอนตัมที่เขาได้ศึกษาพบว่า
อนุญาตให้แสงได้เล็ดลอดออกมาได้บ้าง หลุมดำนั้นเป็นเสมือนกับเครื่องดูดฝุ่นจักรวาล มัน
จะกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาใกล้มัน
ในปี ค.ศ.1783 (พ.ศ.2326) จอห์น มิเชล (John Michell) อาจารย์มหาวิทยาลัย
เคมบริดจ์ระบุว่า ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะมีสนามแรงโน้มถ่วงสูงจนแสงไม่อาจเดินทางออกมา
ได้ ดาวที่มีลักษณะเช่นนี้อาจจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้เราจะไม่สามารถมองเห็นดาวเหล่า
นี้ได้ เพราะแสงของมันไม่สามารถเดินทางมาถึงโลก แต่เราสามารถตรวจวัดแรงโน้มถ่วงของมัน
ได้ ยุคนั้นจอห์น มิเชล เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า ดาวมืด (Dark star) และนี่คือสิ่งลึกลับในห้วงอวกาศ
ที่เราเรียกกันว่าหลุมดำในปัจจุบัน
'กาแล็กซีแอนโดรเมดา อยู่ห่างจาก กาแล็กซีทางช้างเผือก 2.3 ล้านปีแสง
* รอฮิม ปรามาส (2547). “เอกภพ สรรพสิ่งและมนุษยชาติ” หน้า 380-381.
Stephen Hawking(1988).A Brief History of Time, แปลโดยรอฮีม ปรามาส(2546), “ประวัติย่อของกาล-
เวลา.” น.247.
60 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก