ข้อความต้นฉบับในหน้า
ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง เป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำเพื่อ
ให้ประชาชนกล้าลงทุนและจับจ่ายใช้สอยอันเป็นผลให้เศรษฐกิจเติบโต
ในการลงทุนนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นของจีน เนื่องจากคนจีนประหยัดจึงมีเงินเหลือเก็บ
มาก มีเงินฝากธนาคารมาก บรรดานักธุรกิจจึงสามารถกู้เงินจำนวนมากนี้ไปลงทุนผลิตสินค้าได้
มาก เมื่อผลิตมาแล้วขายในประเทศไม่หมดเพราะคนจีนประหยัดก็ส่งออกขายต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้จีนจึงได้ดุลการค้าแต่ละปีจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา มียอดเกินดุลการค้า
ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คือ 262,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามจีนก็ยังมีจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุง อีกหลายประการ อาทิเช่น การ
กระจายรายได้, ความมั่นคงภายใน, สิ่งแวดล้อม และปัญหาแรงเสียดทานอันเกิดจากการที่จีน
ได้เปรียบดุลการค้ามากเกินไป เป็นต้น
3.) ระบบเศรษฐกิจในพระไตรปิฎก
ส่วนระบบเศรษฐกิจที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้นมีบุญเป็นศูนย์กลาง เพราะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุขความสำเร็จทั้งปวงของมนุษย์
คนจะร่ำรวยหรือยากจนก็ขึ้นอยู่กับบุญในตัวเป็นหลักหากมองในระดับมหภาคประเทศใดที่ร่ำรวย
มากก็แสดงว่าบุญโดยรวมของคนในประเทศนั้นมีมาก ส่วนประเทศใดยากจน ก็แสดงว่าบุญ
โดยรวมของคนในประเทศนั้นมีน้อย
อย่างไรก็ตามนอกจากบุญแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังตรัสถึง “หลักหัวใจเศรษฐี” ไว้
ให้พุทธบริษัทใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการสั่งสมบุญด้วย ได้แก่
อุฏฐานสัมปทา คือ หาทรัพย์เป็น ขยันหาทรัพย์, อารักขสัมปทา คือ เก็บรักษาทรัพย์เป็น
กัลยาณมิตตตา คือ สร้างเครือข่ายคนดีเป็นไม่คบมิตรชั่ว และ สมชีวิตา คือ ใช้ชีวิตเป็นใช้จ่ายแต่
พอดี
ใครก็ตามสร้างฐานะจนร่ำรวยด้วยหลัก 2 ประการนี้แล้ว จะไม่เก็บทรัพย์ส่วนเกินไว้
เฉย ๆ แต่นำมาสร้างบุญต่อด้วยการให้ทานแก่คนจน ทำบุญในพระพุทธศาสนา สร้าง
สาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เช่น สร้างวัด เป็นต้น ทรัพย์ที่มีอยู่จึงเกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างเต็ม
ที่ อันเป็นวิธีการทำให้เศรษฐกิจเติบโตตามหลักพระพุทธศาสนา กล่าวคือ เป็นการใช้จ่ายทรัพย์
เหมือนกัน แต่ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมเท่านั้นไม่ได้ใช้จ่ายในสิ่ง
Moneyline News (2550). “ปี 50 จีนทำสถิติเกินดุลการค้าสูงสุด.” [ออนไลน์].
บทที่ 8 เศรษฐศาสตร์ ในพระไตรปิฎก DOU 227