ข้อความต้นฉบับในหน้า
บุญมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ บุญเก่า และ บุญใหม่ บุญเก่าคือบุญที่ทำไว้ในอดีตชาติ
ส่วนบุญใหม่ คือบุญที่ได้ทำในปัจจุบันชาติ
วิธีการสร้างบุญมีอย่างน้อย 3 ประการ คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญ
สมาธิภาวนา โดยบุญที่ทำให้มีฐานะร่ำรวยนั้นคือ บุญที่เกิดจากการให้ทานเป็นหลัก ส่วนบุญ
จากการรักษาศีลและเจริญภาวนาเป็นส่วนเสริม ใครที่ได้ให้ทานไว้มากก็จะเป็นเหตุให้มีฐานะ
ร่ำรวยมากเป็นระดับมหาเศรษฐีของประเทศหรือของโลกทีเดียว ส่วนใครให้ทานมาน้อยหรือ
ไม่ได้ให้ทานเลย ก็จะลำบากยากจน
หลักการส่งผลของบุญมีดังนี้ คือ บุญเก่าหรือบุญในอดีตชาติจะส่งผลก่อนและส่งผล
อย่างเต็มที่ เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ซึ่งปลูกไว้นานแล้ว จึงมีความพร้อมในการผลิดอกออกผล
ส่วนต้นไม้ที่เพิ่งปลูกก็เปรียบเสมือนบุญใหม่ จึงต้องรอเวลาให้มันเจริญเติบโตสักระยะหนึ่งจึงจะ
ให้ผล ดังนั้นวิถีชีวิตของมนุษย์แต่ละคนในชาตินี้หรือในทุก ๆ ชาติที่เกิดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่า
ที่ได้ทำไว้ในอดีตชาติเป็นหลัก คือ ประมาณ 70-80% ส่วนบุญใหม่เป็นส่วนเสริม คือ ส่งผล
ในชาตินี้เพียงประมาณ 20-30%
มหาเศรษฐีของโลกในปัจจุบันนี้ก็เช่นกันร่ำรวยเพราะบุญเก่าในอดีตชาติส่งผลเป็นหลัก
ดังจะเห็นได้ว่า หลายต่อหลายคนในชาตินี้ไม่ได้เป็นชาวพุทธ ไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องบุญ
และก็ไม่ได้สร้างบุญในพระพุทธศาสนา อย่างดีก็แค่ทำบุญสังคมสงเคราะห์กับชาวโลกทั่วไป แต่
เขาก็ร่ำรวยได้ ทั้งนี้เพราะบุญเก่าที่ทำไว้ในอดีตชาติเป็นหลักมาส่งผล
สาเหตุส่วนหยาบ คือ ขวนขวายสร้างฐานะ
วิธีสร้างฐานะทางเศรษฐกิจนี้ มีศัพท์ทางศาสนา เรียกว่า “ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์”
แปลว่า ประโยชน์ในปัจจุบัน ซึ่งชาวพุทธรู้จักกันในนาม “หลักหัวใจเศรษฐี” เป็นวิธีสร้างฐานะ
ที่ถูกต้องชอบธรรม ไม่ก่อกรรมสร้างเวรให้กับใคร ซึ่งมี 4 ประการ ดังนี้
1.) อุฏฐานสัมปทา หาทรัพย์เป็น
2.) อารักขสัมปทา
3.) กัลยาณมิตตตา
เก็บรักษาทรัพย์เป็น
สร้างเครือข่ายคนดีเป็น
4.) สมชีวิตา
ใช้ชีวิตเป็น
208 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก