ข้อความต้นฉบับในหน้า
(4) การค้นคว้ารวบรวมเนื้อหาที่จะนำมาพูด
ผู้พูดจะต้องทำการค้นคว้าหาความรู้ และรวบรวมข้อคิดเห็น ข้อมูล ข่าวสาร ข้อเท็จจริง
สถิติต่างๆ เพื่อนำมาจัดลำดับให้เหมาะสมแก่การนำไปเสนอแก่ผู้ฟัง
(5) การจัดระเบียบเรียบเรียงเรื่องที่จะพูด
การจัดระเบียบเรียบเรียงเรื่องที่จะพูดนั้น แบ่งเป็น 3 ส่วนคือคำนำ เนื้อเรื่อง และ สรุป
คำนำ เป็นการพูดให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ และมีความกระตือรือร้นที่จะฟังต่อไป
ด้วยความตั้งใจคำนำนั้นควรกล่าวสั้นๆ แต่เร้าใจ อาจใช้สุภาษิตคำคมคำพังเพย ฯลฯ ขึ้นนำ
เพื่อเรียกร้องความสนใจควรใช้เวลาในการพูดประมาณ 10 %
เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสาระสำคัญของเรื่อง ซึ่งผู้พูดจะต้องใช้เวลาส่วนมากในการพูดคือ
ประมาณ 85% ผู้พูดจะต้องเรียงลำดับเรื่องให้เป็นระเบียบ จากง่ายไปหายาก สิ่งใดควรพูดก่อน
สิ่งใดควรพูดในตอนหลัง อย่าให้ยอกย้อน เพราะจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจยาก และเนื้อเรื่องจะต้องมี
ความถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริง มีความกะทัดรัด ชัดเจน กระจ่างแจ้ง ไม่คลุมเครือ และอาจมี
ตัวอย่างประกอบเพื่อความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การใช้ตัวอย่างควรเป็นสิ่งที่ผู้ฟังคุ้นเคย อาจจะ
เป็นตัวอย่างที่ใกล้ตัวเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน
สรุป เป็นการทิ้งท้ายหรือปิดท้ายเรื่องที่พูด ซึ่งผู้พูดควรสรุปให้ผู้ฟังประทับใจ การสรุป
อาจลงท้ายด้วยการเน้นย้ำ ทบทวนประเด็นสำคัญโดยย่อหรือให้ข้อคิดสั้น ๆ ที่สอดคล้องกับเรื่อง
ที่พูด และควรใช้เวลาในการพูดประมาณ 5%
(6) การฝึกซ้อมก่อนพูดจริง
การฝึกซ้อมก่อนพูดจริงจะทำให้ผู้พูดเกิดความพร้อมและความเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังทำให้ผู้พูดเกิดความคุ้นเคยกับเนื้อหาที่เตรียมมาพูด ทำให้สามารถกะประมาณ
ความยาวของการพูดให้พอดีกับระยะเวลาที่กำหนดไว้
(7) การนำเสนอ
คือการพูดออกไปตามที่ได้ตระเตรียมไว้เป็นอย่างดีแล้วโดยอาจมีแผ่นโน้ตย่อหัวข้อถือไว้
หรืออาจไม่มีก็ได้ ให้นำเสนอไปอย่างดีที่สุด อย่าวิตกกังวล หรือประหม่าตื่นเต้นเกินไป เพราะ
จะทำให้เกิดสับสนได้
บทที่ 2 ส ร ร พ ศ า ส ต ร์ ในทางโลก DOU 33