ข้อความต้นฉบับในหน้า
สม่ำเสมอ ไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน
จะเป็นเท่านั้น ไอน์สไตน์เองก็กังวลว่า
สิ่งที่สามารถพยากรณ์ได้ในโลกแห่งอนุภาคมีเพียงความน่า
ควอนตัมฟิสิกส์เติบโตโดยไม่เคารพกฎการเรียงลำดับเหตุ
(cause) ไปสู่ผล (effect) ไอน์สไตน์มีความเชื่อมั่นว่า ทฤษฎีควอนตัม ยังไม่สมบูรณ์ต้องมี
ความผิดพลาดบางประการ
แต่เขาเองก็อธิบายไม่ได้ว่าทฤษฎีนี้มีความผิดพลาดตรงไหน ซึ่ง
ต้องรอนักฟิสิกส์ในปัจจุบันช่วยกันศึกษาค้นคว้าเพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องนี้ต่อไป
10.4 วิธีการแสวงหาความรู้ในพระไตรปิฏก
ในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ถึงวิธีการแสวงหาความรู้หรือปัญญาไว้ 3 ประการ คือ
สุตมยปัญญา, จินตามยปัญญา และ ภาวนามยปัญญา” โดยแต่ละประการมีความหมายดังนี้
10.4.1 สุตมยปัญญา : ปัญญาอันเกิดจากการฟัง
สุตมยปัญญา มาจาก สุต (ฟัง)+ มย (สำเร็จด้วย) + ปัญญา (ปัญญา) หมายถึง
ปัญญาอันสำเร็จด้วยการฟัง หรือ ความรู้อันเกิดจากการฟัง แต่ในปัจจุบันยังหมายรวมไปถึง
การอ่าน, การดู, การชม ฯลฯ ด้วย ในสมัยพุทธกาลยังไม่มีหนังสือให้อ่าน ยังไม่มีสื่อต่าง ๆ ให้ดู
การเรียนรู้สิ่งต่างๆ จะใช้การฟังจากครูเป็นหลัก แต่ปัจจุบันช่องทางการเรียนรู้มีมาก ไม่จำเป็น
ต้องฟังจาก ครูโดยตรง สามารถอ่านได้จากหนังสือที่ครูหรือผู้รู้ท่านต่าง ๆ เขียนเอาไว้ สามารถ
ดูได้จากสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย
หัวใจหลักของ สุตมยปัญญา คือ การจับประเด็น ให้ได้ว่า ผู้พูดๆ ถึงเรื่องอะไรบ้าง
ประเด็นใหญ่คืออะไร ประเด็นย่อยมีอะไรบ้าง จับประเด็นให้ได้ว่า หนังสือที่อ่านกล่าวถึงเรื่อง
อะไร หากไม่รู้จักจับประเด็น เราจะได้ประโยชน์จากการฟังหรือการอ่านน้อยมาก เพราะเมื่อ
ฟังหรืออ่านหนังสือจบแล้ว จะจำอะไรแทบไม่ได้เลย แต่ถ้าจับประเด็นได้ อย่างน้อยๆ เราจะจำ
ประเด็นได้เ
เมื่อจำประเด็นได้จะสามารถเชื่อมโยงไปสู่รายละเอียดได้ ความรู้ที่ได้จากสุตมยปัญญา
จึงเป็นความรู้ประเภท ความรู้จำ
10.4.2 จินตามยปัญญา : ปัญญาอันเกิดจากการคิด
จินตามยปัญญา มาจาก จินฺต (ความคิด) + มย (สำเร็จด้วย) + ปญฺญา (ปัญญา)
หมายถึง ปัญญาอันสำเร็จด้วยความคิด หรือ ความรู้อันเกิดจากความคิด กล่าวคือ เมื่อจับประเด็น
ใน สิ่งที่ฟังหรืออ่านได้แล้ว ก็ต้องนำความรู้นั้นมาไตร่ตรองเพื่อให้เข้าใจ เพราะหากเพียงแค่จำ
1 สังคีติสูตร, ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค, มจร. เล่ม 11 ข้อ 107 หน้า 271.
บทที่ 1 0 วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 283