ญัตติจตุตถกรรมและนิคหกรรมในพระพุทธศาสนา GB 406 สรรพศาสตร์ในพระไตรปิฏก หน้า 199
หน้าที่ 199 / 373

สรุปเนื้อหา

ญัตติจตุตถกรรมหมายถึงกรรมที่มีวาจาครบ 4 ส่วน ซึ่งใช้ในพิธีกรรมที่สำคัญในพระพุทธศาสนา เช่น การอุปสมบท นิคหกรรมคือมาตรการลงโทษขั้นที่ 2 สำหรับการกระทำผิดร้ายแรง เช่น การทะเลาะวิวาท มีศีลวิบัติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า สงฆ์เป็นมูลแห่งกิจจาธิกรณ์ ซึ่งกิจจาธิกรณ์ต้องมีสงฆ์ครบ 4 รูปจึงจัดทำได้ และอธิกรณสมถะเป็นธรรมเครื่องระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา โดยมีวิธีการต่าง ๆ เช่น สัมมุขาวินัยและสติวินัย เป็นต้น.

หัวข้อประเด็น

- ญัตติจตุตถกรรม
- นิคหกรรม
- พุทธศาสนา
- กรรม
- อธิกรณ์
- สงฆ์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ญัตติจตุตถกรรม แปลว่า กรรมที่มีญัตติเป็นที่สี่ หมายถึง กรรมที่มีวาจาหรือการ กล่าวครบ 4 รวมทั้งญัตติ กล่าวคือ เมื่อมีการสวดตั้งญัตติแล้ว จะมีการสวดอนุสาวนาคือคำ สวดประกาศขอมติจากสงฆ์อีก 3 ครั้งรวมเป็นสี่จึงชื่อว่าญัตติจตุตถกรรม ทั้งนี้เพื่อใ ทั้งนี้เพื่อให้คณะสงฆ์ มีเวลาพิจารณาหลายเที่ยวว่า จะอนุมัติหรือไม่ ญัตติจตุตถกรรมใช้กับพิธีกรรมที่มีความสำคัญ เช่น การอุปสมบท นิคหกรรม เป็นต้น คำว่า “นิคหกรรม” อ่านว่า นิก-คะ-หะ-กำ มาจากคำว่า “นิคหะ + กรรม” นิคหะ แปลว่า การข่มหรือการลงโทษ ส่วนกรรม แปลว่า การกระทำ คำว่า นิคหกรรม จึงแปลว่า การ กระทำการข่มหรือการกระทำการลงโทษ นิคหกรรม เป็นมาตรการลงโทษขั้นที่ 2 หลังจากปรับอาบัติผู้ที่ละเมิดสิกขาบทหรือ กฎข้อห้ามอื่นๆ แล้ว นิคหกรรมใช้ในกรณีความผิดที่ร้ายแรง เช่น ก่อการทะเลาะวิวาทบาดหมาง ทำความอื้อฉาว มีศีลวิบัติ ติเตียนพระรัตนตรัย เล่นคะนอง ประพฤติอนาจาร ลบล้างพระบัญญัติ ประกอบมิจฉาชีพ เป็นต้น สำหรับมูลเหตุแห่งกิจจาธิกรณ์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “สงฆ์เป็นมูลอัน หนึ่งแห่งกิจจาธิกรณ์” ทั้งนี้เพราะกิจจาธิกรณ์ หมายถึง กิจที่ “สงฆ์” จะพึงกระทำ ดังนั้นสงฆ์ เท่านั้นที่จะให้มีกิจจาธิกรณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเพียงรูปเดียวหรือภิกษุมากกว่า หนึ่งรูปแต่ไม่ครบองค์สงฆ์คือตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปไม่อาจจะทำกิจจาธิกรณ์ได้ 7.11 อธิกรณสมถะ : ธรรมเครื่องระงับอธิกรณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอธิกรณสมถะไว้ในพระปาฏิโมกข์ เพื่อเป็นหลักให้ภิกษุใช้ สำหรับการระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในพระพุทธศาสนาดังนี้ 1.) สัมมุขาวินัย คือ การระงับอธิกรณ์ในที่พร้อมหน้า หมายถึง พร้อมหน้าสงฆ์, พร้อมหน้าบุคคล คือ คู่กรณี, พร้อมหน้าวัตถุ คือ ยกเรื่องที่เกิดนั้นขึ้น ธรรม คือ วินิจฉัยถูกต้องตามธรรมวินัย รื่องที่เกิดนั้นขึ้นมาวินิจฉัย และพร้อมหน้า 2.) สติวินัย คือ การระงับอธิกรณ์โดยถือว่าเป็นผู้มีสติสมบูรณ์ ใช้ในกรณีที่จำเลยเป็น พระอรหันต์ซึ่งเป็นผู้มีสติสมบูรณ์ 3.) อมูฬหวินัย คือ การระงับอธิกรณ์โดยยกประโยชน์ให้ว่าต้องอาบัติในขณะเป็นบ้า 'พระธรรมกิตติวงศ์ (2548) “พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด” หน้า 403. 188 DOU สรรพ ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More