ข้อความต้นฉบับในหน้า
ท่านจงรีบให้หมอเยียวยามันเสียเถิด บุรุษนั้นบอกว่า ท่านจงเยียวยามันเถิด แพทย์นั้นจึงผ่าสรีระ
ของบุรุษนั้นเอายาทาและพอกแล้วบอกว่า โรคใหญ่ของท่าน เราได้เยียวยาแล้ว ท่านจงให้รางวัล
แก่เรา บุรุษนั้นจะค่อนขอด คัดค้าน และติเตียนนายแพทย์ว่า หมอโง่นี่พูดอะไร หมอโง่นี้ทำทุกข์
ให้เกิดแก่เรา และทำให้เราต้องเสียเลือดไปมิใช่หรือ แต่ถ้านายแพทย์ผู้ฉลาดเยียวยาหัวฝีที่เกิด
ขึ้นแล้วด้วยการผ่าตัดพอกยาและพันแผล ก็จะไม่ถูกค่อนขอดคัดค้านและติเตียน และจะได้
รางวัลตอบแทนเป็นอันมาก
7.4 องค์ประกอบของสิกขาบท
สิกขาบทนั้นมีองค์ประกอบ 5 ประการด้วยกันดังนี้
1.) ต้นบัญญัติ หมายถึง เรื่องเล่าของผู้ที่ประพฤติเสียหายในกรณีต่าง ๆ เป็นรายแรก
ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอ้างถึงเพื่อบัญญัติสิกขาบทในข้อต่าง ๆ เช่น พระสุทินน์ เป็นต้นบัญญัติ
ปาราชิกสิกขาบทที่ 1 เป็นต้น
2.) พระบัญญัติ หมายถึง สิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติเป็นข้อห้ามมิให้
ภิกษุล่วงละเมิด มีบทกำหนดโทษหรือปรับอาบัติผู้ล่วงละเมิด
ถ้าเป็นการบัญญัติสิกขาบทในครั้งแรกเรียกว่า “มูลบัญญัติ” ส่วนการบัญญัติเพิ่มเติม
ในภายหลังเพื่อให้รัดกุมมากขึ้นเรียกว่า “อนุบัญญัติ” ดังตัวอย่างต่อไปนี้
มูลบัญญัติของปาราชิกสิกขาบทที่ 3 ว่า “ภิกษุใดจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต หรือ
แสวงหาศัสตราอันจะพรากกายมนุษย์นั้น แม้ภิกษุนี้เป็นปาราชิก” หาสังวาสมิได้”
อนุบัญญัติของปาราชิกสิกขาบทที่ 3 ว่า “อนึ่งภิกษุใดจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต
หรือแสวงหาศัสตราอันจะพรากกายมนุษย์นั้น พูดพรรณนาคุณความตายหรือชักชวนเพื่อให้
ตายว่า ท่านผู้เจริญจะมีชีวิตลำบากยากเข็ญนี้ไปทำไม ท่านตายเสียดีกว่า ดังนี้ เธอมีจิตอย่างนี้
มีดำริในใจอย่างนี้ พูดพรรณนาคุณความตายหรือชักชวนเพื่อความตายโดยประการต่างๆ แม้
ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิกหาสังวาสมิได้”
3.) สิกขาบทวิภังค์และบทภาชนีย์ คำว่า สิกขาบทวิภังค์ หมายถึง การจำแนกความ
สิกขาบท เป็นการอธิบายความหมายของศัพท์หรือข้อความในพระบัญญัติ เช่น ในสิกขาบทวิภังค์
1 ปาราชิก หมายถึง โทษหนักที่สุดทางพระวินัย ภิกษุใดกระทำความผิดต้องโทษปาราชิกแล้ว จะขาดจากความ
เป็นพระภิกษุทันทีที่กระทำความผิดนั้น ไม่ว่าผู้อื่นจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม และห้ามบวชใหม่ตลอดชีวิต เปรียบเหมือน
โทษประหารชีวิตทางโลก
บทที่ 7 นิ ติ ศ า ส ต ร์ ใน พระไตรปิฎก DOU 171