ข้อความต้นฉบับในหน้า
(8) สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งมั่นถูก โดยพยายามประคับประคองในขณะทำภาวนา
ให้หยุดนิ่ง ณ ศูนย์กลางกายอย่างต่อเนื่องถูกส่วนเป็นปกติ จนกระทั่งเกิดความสว่างขึ้นในใจที่
นำไปสู่การเห็นธรรมะที่เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์อยู่ในตัว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในปริกขารสูตรว่า องค์แห่งมรรค 7 ประการคือ ตั้งแต่
สัมมาทิฏฐิถึงสัมมาสติ เป็นองค์ประกอบของสัมมาสมาธิ หรือประชุมลงในสัมมาสมาธิ ดัง
พระดำรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย องค์แห่งสมาธิ 7 ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เอกัคคตาจิต (ความมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว หรือ การที่จิตเป็นสมาธิ) ประกอบด้วยองค์ 7 ประการ
นี้เรียกว่าอริยสมาธิ...
พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ก็เคยกล่าวไว้เช่นกันว่า “มรรคทั้ง 7 ประการจะ
ประชุมรวมกันลงในสัมมาสมาธินี้” ด้วยเหตุนี้ สัมมาสมาธิจึงมีความสำคัญสูงสุดในบรรดา
มรรคทั้งปวง ทำนองเดียวกับความไม่ประมาทที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะการที่บุคคลจะเป็นผู้
“ไม่ประมาท” ได้อย่างสมบูรณ์ บุคคลผู้นั้นจะต้องมีสติกำกับตนเองอยู่ตลอดเวลา การที่บุคคล
นั้น ๆ จะมีสติกำกับตนเองอยู่ตลอดเวลา เขาจะต้องฝึกสัมมาสมาธิมาอย่างดีแล้ว จนใจของเขา
จรดนิ่งอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ตลอดเวลา
4.6 ไตรสิกขา
ไตรสิกขา หมายถึง ข้อปฏิบัติที่ต้องศึกษา 3 ประการ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึง
ไตรสิกขาไว้ในภาวสูตรว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไตรสิกขาเป็นไฉน ไตรสิกขา คือ อธิศีลสิกขา
อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา เมื่อใด เธอเป็นผู้มีสิกขาอันได้ศึกษาแล้วในไตรสิกขานี้ เมื่อนั้น
ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดทุกข์เพราะละมานะ
ได้โดยชอบฯงิ
พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้อธิบายขยายความเรื่อง
ไตรสิกขาไว้ว่ามี 2 ระดับ คือ ระดับปกติหรือระดับต้น และระดับสูงหรือเกินระดับปกติขึ้นไป
ไตรสิกขาระดับต้นนั้น จะเรียกว่า ศีล จิต(สมาธิ) และ ปัญญา หรือเรียกว่า ศีลสิกขา
1 พระภาวนาวิริยคุณ (2550). “ชีวิตนี้มีไว้ทุ่มเดิมพัน” หน้า 72.
* พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต, มก. เล่ม 37 ข้อ 42 หน้า 110.
ภาวสูตร, อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต, มก. เล่ม 36 ข้อ 376 หน้า 831.
บทที่ 4 หลัก ธ ร ร ม สำคัญในพระไตรปิฎก DOU 73