ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพราะทำให้เกิดทุกข์ในภพบ่อย ๆ บาปนั้นชื่อว่ามีความกระวนกระวาย เพราะเป็นไปด้วย
ความกระวนกระวายคือความเดือดร้อน ชื่อว่า มีทุกข์เป็นวิบาก เพราะให้ผลเป็นทุกข์อย่างเดียว
บาปนั้นชื่อว่าเป็นเหตุให้มีการเกิด ชรา และมรณะต่อไปในอนาคตตลอดกาลนานไม่มีกำหนด
บัณฑิตในสมัยก่อนทั้งหลายเรียกบาปว่าเป็นเหงื่อไคล เพราะเป็นเช่นกับเหงื่อไคล กล่าวคือ
ทำให้ใจที่ปกติประภัสสรคือสว่างไสวให้สกปรกคือมืดมัว
กรรมที่บุคคลประพฤติผ่านทางกาย วาจาและใจ ทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล ย่อมมีวิบาก
คือผลแห่งการกระทำเสมอ วิบากจะเป็นประดุจเงาติดตามกรรม โดยมีกรรมเป็นเหตุและวิบาก
เป็นผลเสมอ กรรมและวิบากย่อมติดอยู่ในใจบุคคลผู้กระทำกรรม เปรียบดังโปรแกรมอันเป็น
ภาพแห่งการกระทำและภาพแห่งผลของการกระทำเมื่อใดที่บุคคลฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง เป็นสมาธิ
หลุดพ้นจากกิเลสเมื่อนั้นย่อมสามารถรู้และเห็นกรรมและวิบากที่มีอยู่ในใจของตนและคนอื่นได้
ทั้งกรรมที่มีมาแต่อดีต และวิบากกรรมที่จะส่งผลต่อไปในอนาคต ดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า
“เรานั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อนควรแก่
การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้แล้ว ได้น้อมจิตไปเพื่อญาณเครื่องรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้ง
หลาย
เรานั้นย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิว
พรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เข้าถึง
ตามกรรมว่า
หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านี้ ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระ
อริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านั้น
เบื้องหน้าเมื่อกายแตกทำลายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
หรือว่าหมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่านี้ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียน
พระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ หมู่สัตว์ผู้เกิดเป็นอยู่เหล่า
นั้น เบื้องหน้าเมื่อกายแตกทำลายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เราย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณ
ทรามได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เข้าถึง
ตามกรรมด้วยประการดังนี้”
1 ปรมัตถทีปนี, อรรถกถาขุททกนิกาย อิติวุตตกะ, มก. เล่ม 45 หน้า 282-283.
บทที่ 5 มนุษยศาสตร์ ในพระไตรปิฎก DOU 105