ข้อความต้นฉบับในหน้า
แนวคิด
1.เจตคติต่อความรู้ในพระไตรปิฎก คือ อย่าปลงใจเชื่อโดยง่ายไม่ว่าความรู้ที่ได้ยิน
ได้ฟังนั้นจะน่าเชื่อถือด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม จนกว่าจะได้ทดลองพิสูจน์จนรู้ได้ด้วยตนเอง
2. ลักษณะของความรู้ในพระไตรปิฎก คือ เป็นความรู้ที่ตั้งอยู่บนหลักเหตุและผล
3. วิธีการแสวงหาความรู้ในพระไตรปิฎกมี 3 วิธีการ คือ สุตมยปัญญา : ความรู้จาก
การฟังหรือการอ่าน, จินตามยปัญญา : ความรู้จากการคิด และ ภาวนามยปัญญา : ความรู้
จากการปฏิบัติ ได้แก่ ปฏิบัติสมาธิภาวนา เป็นต้น ภาวนามยปัญญานั้นเป็นความรู้ระดับสูงสุด
4. การค้นพบกฎและทฤษฎีสำคัญทางวิทยาศาสตร์นั้นส่วนใหญ่แล้วอาศัยภาวนามย
ปัญญาเข้าช่วยแทบทั้งสิ้น แต่เป็นภาวนามยปัญญาในระดับเบื้องต้น
5. นิยาม 5 เป็นกฎที่ควบคุมสรรพสิ่งในอนันตจักรวาล ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถอธิบายได้
ด้วยนิยาม 5 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างของเอกภพ, กาแล็กซี, หรือโครงสร้างระดับเล็ก ได้แก่
อะตอม, รวมทั้งสิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์สัตว์และพืช, เรื่องจิตใจ และปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
6. การพิสูจน์คำสอนในพระไตรปิฎกในความรู้ส่วนละเอียด เช่น นรก สวรรค์ นิพพาน
และ โลกันต์ เป็นต้น จะต้องพิสูจน์ด้วยใจเท่านั้น คือ ทำใจให้ละเอียดด้วยการนั่งสมาธิจน
บังเกิดญาณทัสนะ จึงจะพิสูจน์การมีอยู่จริงของสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทาง
วิทยาศาสตร์ทั่วไป
วัตถุประสงค์
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจหลักวิทยาศาสตร์ในพระไตรปิฎกดังนี้ คือ เจตคติ
ต่อความรู้, ลักษณะของความรู้, วิธีการแสวงหาความรู้, สมาธิกับการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์,
นิยาม 5 กฎแห่งสรรพสิ่งในอนันตจักรวาล และการพิสูจน์คำสอนในพระไตรปิฎก
บทที่ 1 0 วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 277