ข้อความต้นฉบับในหน้า
อยู่ของเขาด้วยจิต, เป็นเวลานานก่อนที่เครื่องบินรบไฮเทคของสหรัฐอเมริกาจะถูกเปิดเผย จ่าสิบ
เอก เมววิล ไรลี่ สามารถวาดรูปของเครื่องบินทิ้งระเบิด stealth B2 นั้นออกมาได้ และไม่กี่
ชั่วโมงก่อนการทำลายเรือรบสตาร์คในทะเลต่างชาติ ร้อยเอกพอลสมิธ มองเห็นโศกนาฏกรรม
การตาย กลางทะเล ไม่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ในผลลับที่ประหลาดนี้ ว่าการมองทางจิต
ของคนปกติธรรมดาคืออะไร
เพื่อให้งานมองทางจิตสามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ในปี ค.ศ.1976(พ.ศ.2519)
กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา จึงขอให้ เดล แกรฟ (Dale Graff) ซึ่งทำงานเป็นวิศวกรการบิน
พลเรือนที่ฐานทัพอากาศ ไรท์แพทเทสัน ในรัฐโอไฮโอ ทำวิจัยเรื่องการมองทางจิต เพื่อดูว่าจะ
ใช้ค้นหา เครื่องบิน นักบิน หรือ ตัวประกันที่หายไปได้จริงหรือไม่ แกรฟจึงเดินทางไปทำวิจัยที่
สถาบันค้นคว้าสแตนฟอร์ด ในแคลิฟอร์เนียเหนือ ซึ่งสถาบันแห่งนี้ประสบความสำเร็จหลายครั้ง
ในการมองหาทางจิตแบบควบคุมในห้องทดลองให้กับ CIA จากการวิจัยของแกรฟทำให้เขาได้
ข้อสรุปว่ามีความเป็นไปได้ที่การมองทางจิตสามารถค้นหาวัตถุที่หายไปได้
แม้แต่อดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ก็ยังรู้สึกทึ่งกับเรื่องการมองทางจิตเช่น
เดียวกัน โดยในปี ค.ศ.1978(พ.ศ.2521) เครื่องบินไฮเทคลับสุดยอดของโซเวียตตกลงที่
ประเทศซาร์อี (ZAIRE) หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สหรัฐอเมริกาต้องการหามันให้
เจอก่อนพวกโซเวียต หลังจากที่ CIA ล้มเหลวในการหาซากเครื่องบินลำนั้น สายลับพลังจิตจึง
ถูกเรียกใช้งาน สายลับพลังจิตถูกขอให้ศึกษารูปภาพเครื่องบินโซเวียต TU22 หลายชั่วโมงให้หลัง
เครื่องบินก็ถูกค้นพบ ในรัศมีไม่กี่ไมล์จากบริเวณพื้นที่ซึ่งชี้มาโดยผู้มองทางจิตของกองทัพ
อากาศของเดล แกรฟ เหตุการณ์นี้ทำให้จิมมี คาร์เตอร์ ถึงกับกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่มันเกิดขึ้น
แต่นักพลังจิตผู้หญิงประสบความสำเร็จ ขณะที่ดาวเทียมจารกรรมล้มเหลว ผมต้องพูดว่า โดยที่
ผมไม่ทราบ หัวหน้า CIA ขอให้เธอเข้ามา เธอเข้าสมาธิทันที ขณะที่เธอเข้าสมาธิ เธอให้ตัวเลข
พิกัดแนวตั้งแนวนอน เรารวมศูนย์กล้องดาวเทียมในจุดนั้น และเครื่องบินก็อยู่ที่นั่น”
เหตุการณ์นี้ให้กำเนิดวิชาชีพใหม่กับ เดล แกรฟ โดยปี ค.ศ.1989 (พ.ศ.2532) เขา
ได้เป็น ผู้อำนวยการสายลับพลังจิตที่ฟอร์ดนัดแห่งกระทรวงกลาโหม นักวิทยาศาสตร์และ
คนในระดับสูงยุคนั้นก็ยังไม่ค่อยเชื่อในเรื่องนี้ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งพูดกับเกรฟว่า
ผมจะไม่เชื่อเรื่องนี้แม้เป็นเรื่องจริง พวกนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มักปฏิเสธงานมองทางจิต
และเรียกมันว่า วิทยาศาสตร์ปลอม หลักโคลนแห่งความฉ้อฉล และมายากล แต่อย่างไรก็ตามจาก
บทที่ 1 0 วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ ในพระไตรปิฎก DOU 301