ข้อความต้นฉบับในหน้า
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
ในศก ๑๒๑
២២
พระคุณพิเศษ ส่วนอัตตสมบัติ จะถวายวิสัชนาด้วยสัทธาสัมปทาและสามัตถิยะส่วนปรหิต
ปฏิบัติ จะถวายวิสัชนาด้วยรัฏฐาภิบาลโนบาย พอเป็นนิทัสสนนัย
0
ด
สัทธาสัมปทานั้น คือความเชื่อประกอบด้วยเหตุผลในสิ่งที่ควรเชื่อ ชื่อว่า สัทธา มีวิภาค
ตามวัตถุเป็นที่ตั้งแห่งความเชื่อ ๔ ประการ คือ กัมมสัทธา เชื่อกรรม ๑ วิปากสัทธา เชื่อผลแห่ง
กรรม ๑ กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อพระ
ปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคตเจ้า ๑ สิ่งที่สัตว์ทำด้วย กาย วาจา ใจ พร้อมด้วยเจตนา ชื่อว่า กรรม
จำแนกโดยประเภท ส่วนดีมีมูลมาแต่อโลภะ อโทสะ อโมหะ เป็นกุศลกรรม ส่วนชั่วมีมูลมาแต่
โลภะ โทสะ โมหะ เป็นอกุศลกรรม กรรม ๒ ประเภทนี้ เมื่อความประชุมปัจจัยมีและได้ช่องเมื่อใด
ก็ย่อมให้ผลเมื่อนั้น กุศลกรรมย่อมให้ผลเป็นที่ปรารถนารักใครพึงใจ เป็นไปตามมูลเหตุความหยั่ง
รู้กรรมคาดหน้าว่าเป็นมูลเหตุให้ผลแก่ผู้ทำเช่นนั้น ๆ อนุวัตรตามมูลเหตุแลล้วและเชื่อลง เหมือน
แพทย์ผู้หยั่งรู้สมุฏฐานก้าวหน้าว่า จะให้เกิดความรำคาญหรือเกิดโรคแก่ร่างกาย แล้วประกอบ
อุบายชักนำหรือบำบัดเสีย นี้ชื่อว่า กัมมสัทธา เชื่อกรรม น ผลสุกวิเศษเกิดแต่กรรม ชื่อว่า วิบาก
จำแนกโดยวิภาค ส่วนที่ปรารถนารักใคร่พึงใจ เป็นผลของกุศลกรรม ส่วนไม่เป็นที่ปรารถนารักใคร่
พึงใจ เป็นผลของอกุศลกรรม วิบาก ๒ ประเภทนี้ ส่อมูลหตุของตนให้คนเห็นคามหยั่งรู้วิบากสาว
เข้าไปหาต้นเหตุว่า มีมูลมาแต่กรรมอย่างนั้น ๆ เหมือนแพทย์ผู้เห็นโรคแล้วค้นพบสมุฏฐานแห่ง
โรคนั้น นี้ชื่อว่า วิปากสัทธา เชื่อผลแห่งกรรม ฯ เหล่าสัตว์ผู้มีกิเลสานุสัย ทำกรรมอันใดลงด้วย
กาย วาจา ใจ ก็ย่อมได้เสวยผลของกรรมนั้น ทำชอบก็ได้เสวยผลอันดี ทำผิดก็ได้เสวยผลอันชั่ว
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ผู้กระทำให้เป็นผู้ประณีตและเลวทรามต่าง ๆ กัน ความหยั่งรู้ดังนี้และเชื่อลง
ชื่อว่า กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน ฯ ความหยั่งเห็นคุณของพระพุทธเจ้า
กับทั้งพระธรรมและพระสงฆ์และเชื่อลงโดยนัยว่า อรห์ สมมาสมพุทโธ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็น
พระอรหันต์ ไกลจากกิเลสบาปธรรม บริสุทธิ์ทุกสถาน เป็นผู้ควรแนนำสั่งสอน
។