ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
เทพเจ้าชั้นดาวดึงส์สวรรค์
๒๖๐
ได้กล่าวสรรเสริญนรชนนั้นผู้เป็นคนเลี้ยงมารดาบิดา สัมมาคารวะแก่
ผู้ใหญ่ในตระกูล มีวาจาละเอียด เจรจาแต่ถ้อยคำอันจะนำให้เกิดมิตรสันถวะเว้นคำส่อเสียดให้เขา
แตกร้าว ประกอบตนในอุบายเครื่องบำบัดมัจฉริยโทษ ครอบงำความโกรธเสียได้ ตั้งอยู่ในสัตย์
ในธรรม ว่าเป็นสัตบุรุษ ดังนี้ อนึ่ง พระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงเจริญพรชนมายุกว่า แลข้าทูลละออง
ธุลีพระบาทผู้เจริญวยายุกาล สมเด็จ ฯ เจ้าได้พระราชทานเงินตรากับผ้ารดน้ำเสมอมา ข้อนี้
อนุโลมเข้าในอปจายนธรรม มาในคำสุภาษิตประพันธ์ว่า
๑
เย วุฑฒิ ปจายนฺติ
ทิฏฺเฐ ธมฺเม จ ปาสา
ความว่า ชนทั้งหลายเหล่าใดฉลาดในธรรม
๓
นรา ธมฺมสฺส โกวิทา
สมปราโย จ สุคติ ฯ
ย่อมคำนับนบนอบผู้เจริญเป็นอาจิณปฏิบัติชน
เหล่านั้น อันบัณฑิตพึงสรรเสริญในปัจจุบัน แลสัมปรายภพเบื้องหน้าของชนเหล่านั้นก็เป็นสุคติ
ดังนี้ ในคาถานี้แสดงวุฒบุคคลเป็นสรรพสาธารณะไม่จำกัด ควรจัดประเภทพรรณนาได้เป็น ๓
คือ ชาติวุฑโฒ ผู้เจริญโดยชาติ ๑ วยวุฑโฒ ผู้เจริญโดยวัย คุณวุฑโฒ ผู้เจริญโดยคุณ
ในวุฒิบุคคล ประเภทนั้น ท่านผู้สูงสุดโดยชาติที่มหาชนนับถือว่าเป็นใหญ่มีกษัตริย
มหาศาลเป็นต้น ชื่อว่า ชาติวุฑโฒ ผู้เจริญโดยชาติ ผู้ใหญ่โดยกำเนิด ท่านผู้สูงอายุ ชื่อว่า
วยวุฑโฒ ผู้เจริญโดยวัย ผู้ใหญ่โดยอายกาลท่านผู้ทรงคุณสมบัติความดีมาในสันดาน ชื่อว่า
คุณวุฑโฒ ผู้เจริญโดยคุณ ผู้ใหญ่ โดยความดี วุฒิบุคคล ๓ ประเภทนี้ ควรแก่อปจายนธรรม
คือ อภิวาทน์ การกราบไหว้ ปัจจุฏฐาน การลุกขึ้นรับ อาสนทาน การให้อาสนะที่นั่ง มค
คทาน การหลีกทางให้ สกุการครุการมานนปูชา ทำการสักการเคารพนับถือบูชา เมื่อบุคคล
มานบนอบวุฒบุคคลทั้ง ๓ นั้น ด้วยอาการมาตรว่าพอเป็นสามีจิกรรม ก็อาจเปลื้องคำครหา แล
ห้ามกิริยา ไม่สุภาพเสียได้ ทำตนให้เป็นคนมีอัธยาศัยอันงาม ได้นามว่า ปริสญฺญ ผู้รู้จักประชุม
ชน เป็นบุคคลที่บัณฑิตพึงสรรเสริญ เมื่อมารำพึงถึงกุศลจริยาสัมมาปฏิบัติของท่านวุฒบุคคลอัน
อำนวยผลให้ท่านสมบูรณ์ด้วยชาติอันประเสริฐ เกิดในตระกูลอันสูง มีชนมายุยืนเป็นเหตุแล้ว แล
เคารพนบนอบโดยสถาน เป็นดังภาชนะที่รองกุศลสุจริต เป็นธรรมคารวะ ธรรมบูชา พร้อมด้วย
อาการกายวาจาจิต ครบทวารตรัยนี้ จัดเข้าในวีถือปจายนมัยกุศลท่านพรรณนาว่า อาจอำนวยอิฐ
วิบุลผลในปัจจุบัน ดังแสดงไว้ในพระพุทธภาษิตคาถา ประพันธ์ว่า