การพิจารณาธรรมและความยุติธรรมในพระพุทธศาสนา มงคลวิเสสกถา หน้า 280
หน้าที่ 280 / 390

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงหลักการพิจารณาธรรมตามพระพุทธศาสนา โดยเน้นความสำคัญของการไม่ลงความเห็นอย่างเร่งรีบ และการรักษาธรรมชาติของผู้ดำเนินชีวิต อีกทั้งยังมีการชี้แจงถึงความเสื่อมและความเจริญของยศในสังคมตามการประพฤติปฏิบัติ พระพุทธเจ้าทรงเสนอวิธีการเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมและความยุติธรรมในกระบวนการพิจารณาอรรถคดี นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการป้องกันการวิวาทระหว่างชนนิกายที่อาจเกิดขึ้นในสังคมเมื่อมีความเห็นต่างกัน โดยเน้นให้มีการใช้วิธีการผ่อนปรนในการตัดสินใจ

หัวข้อประเด็น

-หลักการพิจารณาธรรม
-ความสำคัญของความยุติธรรม
-การป้องกันการแตกร้าว
-คำสอนของพระพุทธเจ้า
-ความเสื่อมและเจริญในอำนาจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) ๒๘๕ แปลว่า อิสรชนยังไม่ได้พิจารณาด้วยตนเอง ยังไม่เห็นผิดของผู้อื่นมากหรือน้อย โดยประการทั้ง ปวง อย่าเพิ่งลงอาณา ข้อหนึ่งตรัสไว้ในธรรมบทว่า น เตน โหติ ธมฺมฏฺโฐ เยนตถ์ สหสา นเย เหมือนถือ เป็นต้น ความว่า บุคคลไม่ชื่อว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เพราะเหตุพิจารณาอรรถคดีโดยผลุนผลัน ฝ่ายว่าบัณฑิตผู้ใดไม่พิจารณาโดยอาการอันผลุนผลัน เลือกถือเอาแต่ข้อเป็นสาระ ตราชูพิจารณาผู้อื่นโดยธรรมโดยเสมอ ปราชญ์ผู้นั้นเป็นผู้รักษาธรรม เรากล่าวว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ใน ธรรม อีกข้อหนึ่ง ตรัสหลักคือความไม่ลุอำนาจแหล่งอคติไว้ในสิงคาโลวาทสูตร เป็นต้นวา ฉันทา โทสา ภยา โมหา นีหียติ ตสฺส ยโส โย ธมุม อติวตฺตติ กาฬปกเขว จนฺทิมา ។ ผู้ใดหาประพฤติล่วงธรรม เพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม เหมือนพระจันทร์ในข้างแรม ฉันทา โทสา ภยา โมหา โย ธมุม นาติวตฺตติ อาปูรติ ตสฺส ยโย สุกกปกเขว จนฺทิมา ผู้ใดหาประพฤติล่วงธรรม เพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะหลงไม่ ยศของผู้นั้น ย่อมเต็ม เปี่ยมเหมือนพระจันทร์ในข้างขึ้น ในทางพิจารณาอธิกรณ์อันจะเกิดขึ้นในสงฆ์ พระองค์ก็ได้ตรัส วางวิธีพิจารณาไว้เป็นหลักฐานสำหรับพระวินัยด้วยเหมือกัน สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงทำนุบำรุงเนติบัณฑิตยสภา ผู้มีหน้าที่ฝึกสอน และสอบความรู้กฎหมายเป็นเนติบัณฑิต ทรงตั้งกรรมการศาลฎีกาไว้พิพากษา ๆ อรรถคดีต่าง พระองค์ ทรงอุดหนุนความยุติธรรมด้วยประการนั้น นี้จัดเป็นพระราชจรรยาสวนหนึ่งแห่ง รัฏฐาภิปาลโนบาย. อนึ่ง ชนนิกายผู้ตั้งอยู่แคว้นอันติดต่อ ย่อมมีทางจะก่อวิวาทแตกร้าวกัน เพราะเหตุ อาณาเขตบ้าง เพราะเหตุสิทธิของพสกนิกายบ้าง เพราะเหตุแย่งค้าขายกันบ้างเป็นต้น เช่น กับ ประชาชนในแคว้นเดียวกัน เมื่อปรองดองกันลงไม่ได้ ไม่มีใครจะตัดสินเด็ดขาดต่างใช้อำนาจของ ตนเข้าต่อสู้ เพื่อยังความปรารถนาของตนให้สำเร็จ แม้โลกจำเริญขึ้นรู้จักใช้วิธีผ่อนผันมากหลาย เป็นต้นว่า ยอมให้นิกายอื่นตัดสินตามความสัตย์ ถึงอย่างนั้น
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More