ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
๒๘๕
แปลว่า อิสรชนยังไม่ได้พิจารณาด้วยตนเอง ยังไม่เห็นผิดของผู้อื่นมากหรือน้อย โดยประการทั้ง
ปวง อย่าเพิ่งลงอาณา ข้อหนึ่งตรัสไว้ในธรรมบทว่า
น เตน โหติ ธมฺมฏฺโฐ เยนตถ์ สหสา นเย
เหมือนถือ
เป็นต้น ความว่า บุคคลไม่ชื่อว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เพราะเหตุพิจารณาอรรถคดีโดยผลุนผลัน
ฝ่ายว่าบัณฑิตผู้ใดไม่พิจารณาโดยอาการอันผลุนผลัน เลือกถือเอาแต่ข้อเป็นสาระ
ตราชูพิจารณาผู้อื่นโดยธรรมโดยเสมอ ปราชญ์ผู้นั้นเป็นผู้รักษาธรรม เรากล่าวว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ใน
ธรรม อีกข้อหนึ่ง ตรัสหลักคือความไม่ลุอำนาจแหล่งอคติไว้ในสิงคาโลวาทสูตร เป็นต้นวา
ฉันทา โทสา ภยา โมหา
นีหียติ ตสฺส ยโส
โย ธมุม อติวตฺตติ
กาฬปกเขว จนฺทิมา
។
ผู้ใดหาประพฤติล่วงธรรม เพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม
เหมือนพระจันทร์ในข้างแรม
ฉันทา โทสา ภยา โมหา โย ธมุม นาติวตฺตติ
อาปูรติ ตสฺส ยโย
สุกกปกเขว จนฺทิมา
ผู้ใดหาประพฤติล่วงธรรม เพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะหลงไม่ ยศของผู้นั้น ย่อมเต็ม
เปี่ยมเหมือนพระจันทร์ในข้างขึ้น ในทางพิจารณาอธิกรณ์อันจะเกิดขึ้นในสงฆ์ พระองค์ก็ได้ตรัส
วางวิธีพิจารณาไว้เป็นหลักฐานสำหรับพระวินัยด้วยเหมือกัน
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงทำนุบำรุงเนติบัณฑิตยสภา ผู้มีหน้าที่ฝึกสอน
และสอบความรู้กฎหมายเป็นเนติบัณฑิต ทรงตั้งกรรมการศาลฎีกาไว้พิพากษา
ๆ
อรรถคดีต่าง
พระองค์ ทรงอุดหนุนความยุติธรรมด้วยประการนั้น นี้จัดเป็นพระราชจรรยาสวนหนึ่งแห่ง
รัฏฐาภิปาลโนบาย.
อนึ่ง ชนนิกายผู้ตั้งอยู่แคว้นอันติดต่อ ย่อมมีทางจะก่อวิวาทแตกร้าวกัน เพราะเหตุ
อาณาเขตบ้าง เพราะเหตุสิทธิของพสกนิกายบ้าง เพราะเหตุแย่งค้าขายกันบ้างเป็นต้น เช่น กับ
ประชาชนในแคว้นเดียวกัน เมื่อปรองดองกันลงไม่ได้ ไม่มีใครจะตัดสินเด็ดขาดต่างใช้อำนาจของ
ตนเข้าต่อสู้ เพื่อยังความปรารถนาของตนให้สำเร็จ แม้โลกจำเริญขึ้นรู้จักใช้วิธีผ่อนผันมากหลาย
เป็นต้นว่า ยอมให้นิกายอื่นตัดสินตามความสัตย์ ถึงอย่างนั้น