ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
พ. ศ. ๒๔๗๑
๒๙๘
ในปีนี้ ( พ.ศ. ๒๔๗๑ ) จะเลือกธรรมมารับพระราชทานถวายวิสัชนา ๔ ประการ
คือ อัตถกามตา ธิติ พหุปปิยตา และ รัฏฐาภิบาลโนบาย พอเป็น นิทัศนนัย
อัตถกามตา ความเป็นผู้ใคร่ประโยชน์นั้น ได้แก่ความหวังประโยชน์จะให้เกิดแก่ผู้อื่น
เป็นคุนแก่สมบัติของท่านผู้เป็นมหาบุรุษผู้มีอัธยาศัยใหญ่ เว้นจากความเห็นแก่ตัว, ประโยชน์นั้น
หมายถึงเอาผลอันเจริญแก่เขา ทั้งในทางคดีโลก ทั้งในทางคดีธรรม จะถูกใจเขาหรือฝืนใจเขาไม่
เป็นประมาณ. อย่างใดจะเป็นประโยชน์อันแท้จริง แม้ฝืนใจเขาท่านผู้เป็นมหาบุรุษก็ย่อมทำอย่าง
นน
ครั้งหนึ่งพระอภัยราชกุมาร
ดุจทารกไม่ชอบรสยาแต่ยานั้นย่อมระงับโรคได้มารดาบิดาย่อมขืนใจทารกให้ดื่มยาฉะนั้น
พระราชโอรสพระเจ้าพิมพิสาร เข้าเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
กราบทูลว่า พระองค์ตรัสพระวาจาเฉพาะที่ถูกใจชนทั้งหลาย หรือพระวาจาที่ไม่ถูกใจเขาก็ตรัส
ด้วย ดังได้ยินมาว่า ในเวลานั้น พระราชกุมารยังนับถือนิครนถ์ นิครนถ์แต่งให้ทูลถามอย่างนั้น
ด้วยหมายว่า ถ้าพระองค์ทรงตอบว่า ตรัสพระวาจาเฉพาะที่ถูกใจชนทั้งหลาย จักค้านว่า ตรัสติ
พระเทวทัตต์ด้วยประการต่าง ๆ ก็มี ถ้าทรงตอบว่า พระวาจาที่ไม่ถูกใจคนก็ตรัส จักข่มว่า ถ้า
เช่นนั้น พระองค์ก็ไม่แปลกจากสามัญชน คงได้ช่องจะยกวาทะขึ้นข่มพระองค์ด้วยปัญหา ๒ เงื่อน
นี้สักอย่างหนึ่ง, สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสตอบว่า พระองค์ไม่ทรงเอาข้อนั้นเป็นประมาณ พระ
วาจาที่ตรัสนั้นจักถูกใจชนทั้งหลายหรือไม่ก็ตามที ทรงเพ่งประโยชน์เป็นที่ตั้งแลตรัสในเวลาอัน
สมควร, พระพุทธจรรยานี้ แสดงว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งอยู่ในอัตถกามตา ทรงใฝ่
ประโยชน์แก่เวไนยนิกร ควรเป็นแบบอย่างของพุทธศาสนิกชน ตั้งต้นแต่ท่านผู้เป็นมหาบุรุษลง
มาถึงสามัญชน, ด้วยพระพุทธอัธยาศัยประกอบด้วยพระคุณสมบัตินี้ พระองค์ทรงตั้งพระพุทธ
บัญญัติสกัดกั้นความประพฤติผิดของภิกษุสงฆ์ วางโทษปรับอาบัติผู้ละเมิด แลประทานพระพุทธา
นุญาตให้สงฆ์ทำกรรมลงโทษผู้ประพฤติผิดพระธรรมวินัย เป็นส่วนนิคคหะทรงแสดงธรรมชักนำ
ความประพฤติปฏิบัติให้ประณีตขึ้นสมควรแก่พุทธบริษัทผู้เป็นคฤหัสถ์ ประทานพระพุทธานุญาต
ให้สาวก