ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต้องลำบากบอบช้ำทั้งอาจารย์แลศิษย์ก็มีเนื่อง
ງ
๓๓๗
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
เมื่อมีกุลบุตรศรัทธาจะบวช ท่านเหล่านั้นก็นำมาเฝ้ากราบทูลขอบรรพชา บางทีพากันมาแต่ถิ่นไกลกันดาร
อันวิธีการเผยแผ่คำสอน มิใช่แต่จะมุ่งปลูกความนิยม
ในทางโอวาทเท่านั้นต้องผ่อนผันให้ความสะดวกในการปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้น กุลบุตรทั้งหลายซึ่งแม้มีศรัทธา
ก็จะพึงอิดหนาระอาใจว่า เพียงแต่จะรู้ตามก็ยากอยู่แล้ว ยังยากในอันจะปฏิบัติตามอีกเล่า อีกประการหนึ่ง
การฝึกฝนศิษย์ให้รอบรู้ จนเป็นผู้สามารถในกิจการ อาจบริหารหมู่คณะ ทำกรณียะแทนตนได้ ย่อมเป็นกิจ
ซึ่งอาจารย์ผู้เห็นการณ์ไกลไม่ละเลย ด้วยอำนาจในการรับคนเข้าทำเป็นบรรพชิตบริษัท กล่าวคือรับกุลบุตรผู้
มีศรัทธาปรารถนาจะบวชให้ได้บรรพชาอุปสมบท
ครั้งแรกสมเด็จพระสุคตก็ทรงรับด้วยพระองค์เองด้วยวิธี
เอหิภิกขุอุปสัมปทา ครั้นต่อมามีพระสาวกตรัสรู้เสด็จขึ้นหลายรูปพอเป็นกำลังในการแพร่พระศาสนาได้ จึง
ทรงส่งท่านเหล่านั้นให้แยกย้ายกันไปประกาศพระศาสนาเมื่อมีกุลบุตรศรัทธาจะบวช ท่านเหล่านั้นก็นำมาเฝ้า
กราบทูลขอบรรพชา บางทีพากันมาแต่ถิ่นไกลกันดาร ต้องลำบากบอบช้ำทั้งอาจารย์แลศิษย์ก็มีเนือง ๆ อัน
วิธีการเผยแผ่คำสอน มิใช่แต่จะมุ่งปลูกความนิยมในทางโอวาทเท่านั้นต้องผ่อนผันให้ความสะดวกในการ
ปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้น กุลแห่งเหตุนี้ จึงประทานพระพุทธานุญาตให้พระสาวกเหล่านั้นรับกุลบุตรให้บวชได้
ด้วยวิธีที่ให้กุลบุตรนั้นเปล่งวาจาถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ซึ่งเรียกว่าสรณคมนูปสัมปทา ก็สำเร็จเป็นอุบายแผ่
พระศาสนาได้เห็นแพร่หลายรวดเร็ว แต่วิธียังสำเร็จด้วยอำนาจบุคคล เมื่อสาวกมณฑลยังไม่แพร่หลาย การ
ควบคุมและรับผิดชอบ ยังเป็นภาระน้อย จะปล่อยให้เป็นภาระของเอกชนอยู่ก่อน ก็ชอบแก่กาละ แต่เมื่อมี
พระสาวกมากขึ้นแล้ว จริงอยู่ การกระทำด้วยอำนาจความคิดเห็นแห่งเอกชน ย่อมมีทางผิดพลาดได้ง่ายด้วย
เหลือหูหลงตาล้นใจ ยิ่งเป็นผู้หย่อนปรีชาสามารถ หรือซ้ำยังเป็นทาสแห่งกิเลส ก็ยิ่งจะมีผิดมากกว่าถูก แม้
จะว่าในทางเป็นหลักฐานมั่นคงเล่า สองหูสองตาใจเดียวที่ไหนจะสู้หลายหูหลายตามากใจได้ พระศาสนานี้จะ
มั่งคงยั่งยืนไป มิใช่ด้วยอำนาจบุคคลผู้ใดผู้หนึ่งเป็นแน่แท้แต่จะเป็นไปได้ก็ด้วยอำนาจพระสาวกทั้งมวล ด้วย
อำนาจแห่งเหตุนี้ เมื่อมีพระสาวกเป็นปึกแผ่นแล้ว จึงทรงยกอุปสมบทกรรมให้เป็นการสงฆ์ ด้วยวิธีญัตติ
จตุตถกรรมอุปสัมปทา ส่วนสรณคมนูปสัมปทา ภายหลังโปรดให้ใช้เป็นวิธีบรรพชาแก่สามเณร ทั้งสองวิธีนี้
คงเป็นแบบฉบับเรียบร้อยดี ได้ปฏิบัติมาจนบัดนี้มิได้เปลี่ยนแปลง ข้อนี้แสดงเยี่ยงอย่างของการณวสิกชนว่า
เป็นผู้มุ่งความสะดวกแลประโยชน์อันจะพึงมีแก่หมู่คณะเป็นสำคัญ ไม่คิดสั้น ๆ เห็นแก่ตนเป็นประมาณ, กา
รณวสิกตา ย่อมมีในสันดานของผู้มีบุญญาภินิหาร ดังรับพระราชทานถวายวิสัชนามาเป็นนิทัศนนัยฉะนี้
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงบริบูรณ์ด้วยพระบารมีบุญญาภินิหารอันอุดม เป็นเหตุให้
ทรงอภิรมย์ในพระการณวสิกาตาคุณตั้งแต่ต้นมา แม้ทรงได้รับบรมราชาภิเษก มีอาชญาสิทธิ์ได้อิสรภาพเต็ม
เปี่ยมในพระราชอาณาเขต ก็มิได้ทรงถือข้อนั้น