ข้อความต้นฉบับในหน้า
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
จะพรรณนาพระคุณพิเศษ
รัฏฐาภิปาลโนบาย
0
ในศก ๑๒๗
ประการ คือ มิตรสมบัติ ๑ มัตตัญญุตา
๗๙
๑
พอเป็นนิทัสสนนัย
มิตรสมบัติข้อต้นนั้น คือถึงพร้อมด้วยมิตร กล่าวโดยสาธารณชัย ชนผู้รักใคร่กันสนิท ชื่อ
ว่ามิตร ได้ในคำว่า มาตา มิตต์ สเก เร มารดาชื่อว่าเป็นมิตรในเรือนของตน, คนผู้มี
เมตตาในกันก็ชื่อว่ามิตรได้ในคำว่า อริยมิตตกโร สิยา ชนสมควรจะทำพระอริยบุคคล ให้เป็น
มิตร. กล่าวโดยเฉพาะสหายผู้สนิทและผู้มีเมตตาชื่อว่ามิตรได้ในคำว่า ปาปมิตโต กลยาณมิต
โต มีมิตรเลว มีมิตรดี, เพื่อนร่วมการงานเป็นแต่สหายบ้าง อมาตย์บ้าง ไม่ชื่อว่มิตร ต่อเป็นผู้
สนิทสนมกันมีเมตตาในกัน จึงจะได้ชื่ออย่างนั้น มิตรนั้นมีทั้งชั่วทั้งดี มิตรชั่วเรียกว่า ปาปมิตร
มิตรที่เรียกว่า กัลยาณมิตร, มิตรนั้นย่อมเป็นปัจจัยภายนอกอันแรงกล้า ที่จะพาผู้สมคบให้ถึง
ความเจริญหรือเสื่อมเสีย เหตุดังนั้น สมเด็จพระโลกนาถ เจ้าจึงตรัสว่า (๑) พาหิร ภิกขเว อง
คนติ กริตวา นาญญ์ เอกงค์ สมนุปสฺสามิ ย์ เอวํ อนตฺถาย สวตฺตติ ยถยท์ ภิกขเว
ปาปมิตตตา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทำปัจจัยภายนอกให้เป็นเหตุแล้ว เราย่อมไม่แลเห็นเหตุแม้
อันหนึ่งอื่นอันจะเป็นไปเพื่อความเสียหายอย่างใหญ่ เหมือนความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ความเป็นผู้มี
ปาปมิตร ย่อมเป็นไปเพื่อความเสียหายอย่างใหญ่, อีกฝ่ายหนึ่ง เราย่อมไม่แลเห็นเหตุอันหนึ่งอื่น
เหมือนกัน อันจะเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่ ความแห่งพระพุทธภาษิตนี้ ในกัณหปักษ์ฝ่ายดำ
คือข้างไม่ดี พึงสาธกด้วยเรื่องพระเจ้าอชาตศัตรูผู้ครองมคธประเทศ. ครั้งท้าวเธอยังเป็นพระราช
กุมาร คืออยู่ในตำแหน่งลูกหลวงยังไม่ได้เถลิงราชย์ ท้าวเธอไปคบหากับพระเทวทัตต์ ผู้เป็นภิกษุ
ใจบาปหยาบช้า เชื่อคำยุยงของพระเทวทัตต์ ได้ทำปิตุฆาตุอันเป็นครุกรรม ได้เสวยผลอันเผ็ด
ร้อน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ทั้งตัดอุปนิสัย
(๑) องฺ. เอก. ๒๐/๒๒.