ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่ผิดทั้งนั้น คือเป็น
จากปกติเดิมก็ดี ดังนี้จัดเป็นอวิโรธนะไม่ผิดเมื่อพิจารณาดูแล้วก็จะเป็นว่า เป็นข้อรวมของทุก ๆ
ข้อได้ ด้วยพระธรรมทุก ๆ ข้อที่เป็นราชธรรมนั้นล้วนเป็นข้อปฏิบัติที่
ข้อปฏิบัติที่ถูกต้องตามสมควร ถ้าไม่ปฏิบัติข้อใดข้อหนึ่งเรียกว่าเป็นการปฏิบัติผิดในข้อนั้น
แต่ถ้าปฏิบัติในข้อนั้นและทุก ๆ ข้อได้แล้วก็ได้ชื่อว่าเป็นการปฏิบัติได้
เพราะฉะนั้น ข้อสรุปคือข้อที่ว่าไม่ผิดนั้น
ผิดนั้นจึงเป็นข้อที่สำคัญในทศพิธราชธรรมทั้ง
ถูกต้องไม่ผิดเลย
ข้อนั้น.
๑๐
อนึ่ง ทศบารมีข้อครบ ๑๐ คืออุเบกขา ทศพิธราชธรรมข้อครบ ๑๐ คือ อวิโรธนะ
ความไม่ผิดชื่อของธรรมะต่างกัน แต่เมื่อพิจารณาโดยความแล้วก็จะเห็นว่า ทั้ง ๒ ข้อนี้ต้อง
ปฏิบัติสัมพันธ์กันปฏิบัติด้วยกัน คือการปฏิบัติทำอุเบกขานั้น ก็ต้องปฏิบัติให้ได้ไม่ผิดด้วย จึง
เป็นอุเบกขาที่ถูกต้อง เช่น เป็นอุเบกขาพรหมวิหาร เป็นต้น และในการปฏิบัติไม่ผิดซึ่งเป็น
ทศพิธราชธรรม ก็ต้องปฏิบัติให้ประกอบด้วย อุเบกขา ซึ่งมีความหมายแม้ในข้อที่ว่ามัธยัสถ์เป็น
กลางไม่ลำเอียงไปด้วยอคติทั้ง ๔ คือ ไม่ลำเอียงไปเพราะชอบ ชัง หลง กลัว หากว่าขาด
อุเบกขา คือมีความลำเอียงไปเพราะข้อใดหนึ่งเสียแล้วการปฏิบัตินั้น ๆ ก็เป็นการปฏิบัติผิดขึ้น
ทันที เพราะฉะนั้น บารมี ๑๐ คือ อุเบกขาและทศพิธราชธรรมข้อที่ ๑๐ คือ อวิโรธนะ
ความไม่ผิดจึงสัมพันธ์กัน ต้องปฏิบัติด้วยกัน อวิโรธนะเป็นทศพิธราชธรรมข้อที่ ๑๐.
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าทรงเจริญด้วยพระบารมี พร้อมพระราชธรรมจริยา
ยกโดยเฉพาะในกถามรรคนี้ คือ เมตตาและอุเบกขา เป็นส่วนอัตตสมบัติ กับทั้งขันติ ความ
อดทน และ อวิโรธนะ ความไม่ผิด ทั้งทางปฏิบัติหน้าที่อย่างเยี่ยมยอด เป็นรัฏฐาภิบาลโนบาย
ส่วนปรหิตปฏิบัติ คือเหตุที่สำคัญที่นำให้เข้าถึงความเจริญในการปกครองรัฐให้วัฒนสถาพร ดัง
จะพึงเห็นได้จากพระราชกรณียกิจนานัปปการที่ได้ทรงปฏิบัติตลอดมา ซึ่งไม่อาจยกขึ้นแสดงสาธก
เพียงบางประการ เมื่อทรง
ด้วยกถามรรคเพียงครั้งเดียวได้ จะรับพระราชทานยกสาธกถวาย
พิจารณาพระธรรมส่วนชอบอันตั้งอยู่ในพระองค์เป็นเครื่องเจริญพระราชหฤทัยด้วยปีติโสมนัส
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ได้ทรงแสดงพระบรมราชปณิธานไว้ในพระปฐม
บรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” กล่าว
เกสรของจิต เพื่อพัฒนาจิตมีชีวิตพ้นจากทุกข์
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
๑๙๘