ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
ด
๖๔
ที่แสดงไว้ในเบื้องต้น บุตรจะได้พ้นจากความเป็นอวชาต และสามารถจะดำรงวงศ์สกุลให้ถาวรสืบ
ๆ ไปตลอดกาลนาน สมเด็จพระโลกนาถเจ้า ก็ได้ประทานพระบรมพุทโธวาทไว้แก่สิงคาลมาณพ
ตัรสหน้าที่มารดาบิดาจะพึงทำนุบำรุงบุตร ๕ สถาน (๑) คือ ปาปา นิวาเรนติ ห้ามจากโทษ
อันลามก ๑ กลยาเณ นิเวเสนฺติ ให้ตั้งอยู่ในคุณดีงาม ๑ สิปป์ สิกฺขาเปนติ ให้ศึกษาศิลปะ
ปฏิรูเป็น ทาเรน โยเซนติ ให้ประกอบด้วยภริยาที่สมควร สมเย ทายชช์ นิยยา
เทนต์ ย่อมมอบทรัพย์ให้ในสมัย เป็นต้นว่าในเวลามีเรือน ๑ ในสถานทั้ง ๔ นั้น ๒ สถาน
ข้างต้น คือห้ามจากบาปและให้ตั้งอยู่ในกัลยาณธรรม เป็นเหตุทำบุตรให้เป็นคนประกอบด้วย
คุณสมบัติ ที่จัดว่าเป็นอติชาต หรืออนุชาต สถานที่ ๓ คือให้ศึกษาศิลปะนั้น เป็นเหตุทำบุตรให้
เป็นผู้มีความสามารถในอันทรงตนอยู่ได้ ๒ สถานข้างหลัง คือการปลูกฝังให้มีครอบครัวและให้
ทรัพย์นับว่าเป็นกำลังอุปถัมภ์บุตรด้วยประการนั้น ๆ. มารดาบิดาผู้เป็นบัณฑิตเห็นแจ้งซึ่งอรรถ
ที่กล่าวมาจึงเป็นภารธุระที่จะยังบุตรของตนให้ได้รับการบริหารและฝึกหัดเป็นอันดีโดยสมควรแก่พ
ลานุภาพ ไม่ปล่อยปละละไว้ให้เป็นพาล, อันบุตรนี้ กล่าวโดยอริยโวหาร จัดเป็นคหปตัคคี เพลิง
นายเรือนนายบ้าน โดยฐานะที่จะต้องรับผิดชอบเพลิงโดยปกติ บุคคลรู้จักใช้ ย่อมยังประโยชน์ที่
จะพึงสำเร็จด้วยความร้อน หรือแสงสว่างให้เกิดมี ถ้าใช้ไม่ดี ก็อาจทำความพินาศให้ มีทั้งคุณ
และโทษฉะนี้ ฉันใด บุตรก็มีอุปไมยฉันนั้น มารดาบิดาหมั่นเป็นธุระให้ได้รับบริหารฝึกหัดดีแล้ว
ย่อมเป็นประโยชน์แก่ตนให้ได้ชื่นบานเป็นผลแห่งความมีบุตร ดุจภาษิตว่า นนฺทติ ปุตเตห์ ปุต
ติม ชนมีบุตรย่อมเพลิดเพลินเพราะบุตรทั้งหลาย ดังนี้ ตลอดถึงได้สืบตระกูลให้ยั่งยืนถาวร ถ้า
ปล่อยปละให้เป็นพาล ก็จะทำความรำคาญเดือดร้อนให้ เข้าในภาษิตแย้งคำข้างต้นว่า โสจติ
ปุตเตหิ ปุตติมา ชนมีบุตรย่อมละห้อยเพราะบุตรทั้งหลาย ดังนี้ ตลอดจนทำตระกูลให้เสื่อมสูญ
เป็นที่สุด แม้เพราะบรรยายนี้ ควรแล้วที่มารดาบิดาจะตั้งใจบริหารรักษาบุตรของตนโดยชอบ
แล้วด้วยบริหารวิธีมีประการดังรับพระราชทานถวายวิสัชนามาแล้วในหนหลัง
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงบำเพ็ญปุตตสังคหะเป็นพระราชธุระในพระราช
โอรสและพระราชธิดา ด้วยประการนั้น ๆ โดยควรแก่เวลา ทรงจัดให้พระราชโอรสได้รับ
การศึกษาพิเศษ ส่วนปรสมัยในเมืองต่างประเทศโดยกาลนิยม สมด้วยโบราณขัตติยราชประเพณี
ดังมีแจ้งในอรรถกถาพระธรรมบทว่า พระเจ้าปเสนทิผู้ครอง
(๑) ที. ปา. ๑๑/๒๐๓.