ขันติราชธรรมและเมตตาต่อการปกครอง มงคลวิเสสกถา หน้า 191
หน้าที่ 191 / 390

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงการปฏิบัติขันติราชธรรมของพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชหฤทัยกล้าหาญและอดทน ต่ออารมณ์ของโลภะ โทสะ โมหะ เป็นตัวอย่างของการมีเมตตาในปฏิบัติการณ์ต่างๆ เพื่อประชาชน และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างขันติและเมตตาในการดำรงชีวิต โดยระบุถึงความสำคัญของการอดทนต่อกิเลสเพื่อการอบรมเมตตา ซึ่งเป็นนัยสำคัญในการปกครองและการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม โดยเสนอมุมมองในการพัฒนาจิตใจให้มีขันติมากขึ้นด้วยการปราบกิเลสต่างๆ.

หัวข้อประเด็น

-ขันติราชธรรม
-เมตตา
-การปกครอง
-พระมหากษัตริย์
-ความอดทน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระมหากษัตริย์ทรงบำเพ็ญขันติราชธรรมเพื่อประชาชนในการปกครองบ้านเมืองและ กล่าวโดยเฉพาะข้อที่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้ามีพระราชหฤทัยกล้าหาญอดทนต่อโลภะ โทสะ โมหะ ที่เกิดขึ้นเพราะได้ประสบอารมณ์ที่มายั่วให้เกิด ทรงอดทนต่อเวทนา มีเย็นร้อน เป็นต้น ทรงตรากตรำอดทนปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ทรงอดทนต่อถ้อยคำที่มีผู้กล่าวชั่ว รักษา พระราชหฤทัยและพระอาการ พระกายพระวาจาให้สงบเรียบร้อย ดังนี้ จัดเป็นขันติ เมตตาและขันติย่อมต้องเนื่องกันและกันอาศัยกัน บารมีข้อ ๙ อันได้แก่ เมตตา กับ ทศพิธราชธรรม ข้อ ๙ คือขันติ ธรรมะทั้งสองข้อนี้แม้จะมีชื่อธรรมะต่างกัน แต่การปฏิบัตินั้น ย่อมต้องต่อเนื่องกันและอาศัยกันคือเมตตานั้นจะต้องมีขันติช่วยอยู่ จึงจะปฏิบัติไปในเมตตาได้ และได้สม่ำเสมอ แม้ในข้อขันติเหล่านั้นจะเป็นขันติได้ก็ต้องมีเมตตาสนับสนุนอยู่ ในข้อว่าจะเป็นเมตตาต้องมีขันติสนับสนุนนั้น ก็คือ ว่าความมุ่งที่ปรารถนาดีหรือความ รักใคร่ปรารถนาให้เป็นสุข อันเป็นความหมายของเมตตานั้น ตรงกันข้ามกับโทสะ พยาบาท เพราะฉะนั้น หากว่าเกิดโทสะพยาบาทขึ้น ก็ต้องมีขันติ คือ อดทนดับโทสะพยาบาทลงไป และ มีขันติอดทนต่ออารมณ์อันเป็นที่ตั้งของโทสะพยาบาท อนึ่ง ในการอบรมเมตตานั้น นอกจาก ต้องไม่ให้จิตใจประกอบด้วยโทสะพยาบาทแล้วยังต้องไม่ให้เมตตานั้น นำให้เกิดราคะสิเนหาอัน เป็นกิเลส เพราะฉะนั้น จะต้องมีขันติอดทน ต่อราคะสิเนหาอันเป็นตัวกิเลสหากเกิดขึ้น อดทน ต่ออารมณ์อันเป็นที่ตั้งของราคะสิเนหาด้วย เมื่อเป็นดังนี้ การอบรมเมตตาจึงจะเป็นไปได้ ส่วนข้อทีทีว่าขันตินัน นั้นต้องมีเมตตาอุปถัมภ์ด้วย ก็โดยที่ว่า คือ ความอดทนนั้นถ้าหากว่า อดทนอย่างเดียวโดยไม่มีจิตใจที่แช่มชื่นด้วยธรรมะ คือ เมตตาเข้ามาช่วยด้วยแล้วก็ยากที่จะ ปฏิบัติขันตินั้นได้นานได้สำเร็จดังเช่นเมื่อกิเลสกองโลภก็ดี กองโกรธก็ดีกองหลงก็ดี เกิดขึ้น หรือ เมื่อพบกับอารมณ์อันเป็นที่ตั้งของกิเลสเหล่านี้ ตั้งใจว่าจะมีขันติ คือ อดทน เพราะฉะนั้น ในการ อดทนนั้น จำเป็นที่จะต้องอดทนใจคืออดทนกิเลสแต่หากว่ากำลังของขันตินั้นน้อย ขันติก็จะพ่าย แพ้ กิเลสก็จะชนะ แต่ถ้ากำลังของขันติมีกำลังแรงจึงสามารถอดทนได้ และในการที่จะทำให้ขันติ มีกำลังมากขึ้นนั้นก็จะต้องหาทางปราบกิเลส กองโลภโกรธหลงในใจลงด้วย หาทางปราบอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งของกิเลสเหล่านั้นลงด้วย โดยที่ต้องอาศัยเมตตา หรือตั้งจิตปรารถนาให้เป็นสุขนี้ แผ่ จิตดั่งนี้ออกไป สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ๑๙๖
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More