ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
๓๓๑
ศรัทธาเลื่อมใสออกบรรพชา ที่ไหนจะประพฤติต่ำช้าเช่นนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ โลกก็จะไม่สำคัญใน
กำลังพระปรีชาญาณสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ก็จะงอแง่นไม่เป็นแก่นสาร แต่เมื่อได้เหตุการณ์อัน
ควรแล้วทรงบัญญัติ ย่อมตัดทางครหาเห็นปานนั้น โลกก็จะสำคัญในพระปรีชาสามารถสิกขาบท
ที่ทรงบัญญัติแล้วก็จะเฉียบขาดแน่นอน เมื่อมีผู้ประพฤติผิดเป็นนิทานปกรณ์แล้วไม่ทรงบัญญัติ
สิกขาบทห้ามปรามเล่า ชนทั้งหลายก็จะโพนทะนาว่า พระองค์ทรงปล่อยปละละเลยสาวก ให้
เที่ยวประพฤติลามกตามอำเภอใจ ครั้งทรงมูลบัญญัติลงไปแล้ว ภายหลังการณ์ปรากฏว่ายัง
หละหลวม ไม่พอจะป้องกันการล่วงละเมิดได้เด็ดขาด เช่นนี้ย่อมทรงเพิ่มอนุบัญญัติสับปลับ
ถ้าปรากฏว่าตึงเครียดเกินไป ย่อมทรงอนุบัญญัติผ่อนลงมาพอควรแก่การณ์
ปปวาทโวหารว่า พระองค์ขาดพระเมตตา
เพื่อตรัสปรับ
อนึ่ง ในการทรงบัญญัติสิกขาบทนั้น ๆ เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นปรากฏแล้ว โปรดให้ประชุม
ภิกษุทั้งหลาย เพื่อเป็นการหลักฐาน แลปิดช่องที่จะคัดค้านในภายหลัง ให้เรียกตัวผู้กระทำผิดมา
ในท่ามกลางประชุมภิกษุแล้ว ทรงซักถามตามระเบียบการอันชอบ เป็นอันเปิดโอกาสให้จำเลย
แก้คดีได้เต็มที่ เมื่อผู้ผิดรับสารภาพเองแล้ว จึงตรัสตำหนิชี้โทษในการประพฤติเช่นนั้นแล้ว จึง
ทรงบัญญัติห้ามมิให้ทำต่อไป
ลางข้อที่ควรจะเลือกถือเอากฎหมายบ้านเมืองเป็นหลัก ตรัสถามผู้อื่นซึ่งเป็นผู้รู้กฎหมาย
ก่อน จึงทรงบัญญัติอนุโลมตามนั้นก็มี เช่นเมื่อจะทรงบัญญัติมาตราอาหารในทุติยปาราชิก ทรง
ทำกิจเบื้องต้นดังกล่าวมาแล้วนั้น ผินพระพักตร์ไปถามภิกษุผู้พิพากษาซึ่งมาบวชแลประชุมอยู่ใน
ที่นั้นว่า ทางบ้านเมืองท่านกำหนดราคาของเท่าไรเป็นอย่างต่ำ จึงลงโทษผู้ทำอทินนาทานฐาน
เป็นผู้ร้าย เธอกราบทูลว่า
๕ มาสก์จึงทรงตั้งมาตราอาหารตามนั้น ทั้งนี้ก็เพราะพระการณ
วสิกตา ด้วยว่า แม้จะทรงทราบอยู่แล้ว แต่ตรัสถามอย่างนั้นก่อน ก็เพื่อให้ปรากฏว่า มิได้
เอาพระองค์เป็นใหญ่ ทรงบัญญัติอะไร ๆ หาหลักเกณฑ์มิได้ อาศัยภิกษุรูปนั้นซึ่งเคยเป็น
เจ้าหน้าที่โดยตรงอยู่แล้วเป็นหลัก ก็หมดข้อค้านตั้ง
แม้ในเรื่องเฉพาะตัวบุคคล ก็ทรงปฏิบัติอย่างนั้น ดังเรื่องภิกษุรูปหนึ่ง เคืองพระสารีบุตร
ในสาเหตุที่พระสารีบุตรไม่ทักทายตนแล้ว ถือเอาข้อที่ชายสังฆาฏิพระสารีบุตรถูกตัวหน่อยหนึ่ง
เป็นมูลเหตุ มากราบทูลฟ้องใส่ความว่า พระสารีบุตรแกล้วเดินกระทบตนแล้วไม่ขอขมา
พระองค์แลใคร ๆ โดยมากก็ย่อมทราบได้ดีว่า ไม่ใช่วิสัยที่พระสารีบุตร