การตรัสรู้ของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า มงคลวิเสสกถา หน้า 324
หน้าที่ 324 / 390

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการตรัสรู้ของสมเด็จพระพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญเพียรตามลัทธิเดิมเพื่อพิสูจน์ความจริง ในที่สุดได้ตรัสรู้และแสดงธรรมโปรดสัตว์ โดยเน้นความสำคัญของการไม่ย่อท้อแม้ต้องเผชิญกับความลำบาก พร้อมกับการตระหนักถึงพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณที่ทรงตั้งใจสอนไว้

หัวข้อประเด็น

-การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
-การบำเพ็ญเพียร
-การแสดงธรรม
-อุปการะแห่งการเป็นพุทธสาวก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) ๓๒๙ อันการณวสิกบุคคลย่อมไม่พรั่งพรึงต่อความลำบาก ในเมื่อเห็นประโยชน์อันสมควรสมเด็จพระผู้มี พระภาคเจ้าทรงเห็นอำนาจแห่งเหตุเช่นนี้ จึงทรงบำเพ็ญทุกกกิริยา ทำนองเดียวกับทรงศึกษา พิสูจน์ลัทธิของสองดาบสในหนหลัง ทรงบำเพ็ญอย่างเข้มข้นยิ่งยวดเป็นเวลานานฐาน จงทรงรู้สึก ว่าไม่มีใครทนทานทำได้ถึงเพียงนั้นแล้ว ไม่ได้ตรัสรู้ธรรมอะไรได้พระปัญจวัคคีย์เป็นสักขีพยาน พอเป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า ทุกรกิริยานั้นไม่ใช่ทางสิ้นทุกข์จริง จึงทรงเลิกเสีย ด้วยความเป็นผู้ อยู่ในอำนาจแห่งเหตุอีกเหมือนกัน ข้อนั้นก็เป็นอุปการะแก่อนุศาสโนบาย เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ทรงแสดงธรรมคัดค้านทุกรกิริยาทั้งหลาย อันเรียกว่าอัตตกิลมถานุโยค หาผู้ท้วงติงมิได้ หาก พระองค์มิได้ตรัสรู้เสียเลย ก็ไม่มีใครล่วงครหาเยาะเย้ยว่าไม่พากเพียร ถ้าไม่ได้ทรงบำเพ็ญทุกร กิริยาเริ่มต้นทรงบำเพ็ญทางจิตภาวนาทีเดียว ถ้าไม่ได้ตรัสรู้ โลกก็จะติว่าพระองค์ไม่เพียร ครั้น ทุกรกิริยาก็จะเข้ามาเป็น ได้ตรัสรู้แล้วจะทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์ในดำเนินในมัชฌิมาปฏิปทา อุปสรรคขัดขวางทางโอวาทานุศาสน์ ซึ่งพระองค์ไม่มีอุบายที่จะแก้ไขให้ปลอดโปล่งไปได้เลย เพราะไม่เคยทรงบำเพ็ญมา, ข้อนี้แสดงเยี่ยงของการณวสิกชนว่า เมื่อยังไม่ได้เหตุผลอันสมควร ย่อมไม่ด่วนคัดค้านเลิกถอนลัทธิของเก่าอันเขาทั้งหลายนิยมกัน แม้จะต้องลำบากตรากตรำทำ ตามลัทธินั้น เพื่อพิสูจน์ความจริง ก็ยอมตัดทางปรัปปวาทว่า เป็นเจ้าแบบเจ้าแผนไม่นับถือ ประเพณี, คุณคือการณวสิกตานี้ ย่อมเป็นอุปการแก่การแสวงหาพระสัมมาสัมโพธิญาณ ประการเป็นนิทัศนนัยฉะนี้ หฤทัยจะทรงแสดงธรรมสอนเวไนยสัตว์แล้ว ด้วย เมื่อได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทรงกระทำการเทศนาธิษฐานคือ ตกลงพระ ทรงคำนึงถึงผู้จะรับพระปฐมเทศนาทรงระลึกถึง ดาบสทั้งสองก่อน ก็เพราะว่าท่านทั้งสองนั้น ว่าโดยเพศก็เป็นบรรพชิตด้วยกันควรจะโปรดก่อน ว่าโดยฐานเป็นอาจารย์ผู้สั่งสอน ก็เป็นบุพการี ควรจะทรงกตเวทีเมื่อถึงสมัย ว่าโดยเป็นเวไนย ก็เป็นอุคฆติตัญญูบุคคล เหมือนดอกอุบลอันขึ้นพ้นน้ำจวนจะบาน พอได้สัมผัสรัศมีพระอาทิตย์ก็ จะบานทันที ว่าโดยฐานไมตรีก็เคยอยู่ร่วมใกล้ชิดสนิทสนม หยังทราบปกติจิตนิยมแลปรีชา สามารถของกันดี พอที่จะพูดกันให้เข้าใจได้ง่าย ว่าโดยทางเป็นอุบายเผยแผ่พระศาสนา ท่าน ทั้งสองเป็นปราชญ์ชั้นสูง แลเป็นอาจารย์เดิม เมื่อโปรดท่านทั้งสองให้ได้ธรรมจักษุบรรลุมรรคผล ยอมตนเป็นพุทธสาวกได้ก่อน จะเป็นอุปการแลเป็นกำลังในการสั่งสอนเผยแผ่พระศาสนา แต่เมื่อ ทรงทราบว่าท่านทั้งสองทำลายขันธ์เสียแล้ว จึงทรงระลึกถึงพระปัญจวัคคีย์ต่อไป ก็
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More