ข้อความต้นฉบับในหน้า
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
๙๘
พระราชอนุชา จึงกลับมากราบทูลพระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงทราบประวัตติเหตุแล้วก็ตกพระ
แต่นั้นจึงทรงเสาะหาท่านผู้สามารถจะวินิจฉัยความนี้ให้
หฤทัย
เกรงว่าบาปจะมีแก่พระองค์
กระจ่าง ข้อนี้เป็นทางที่ทรงอาราธนาพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ มาสู่กรุงปาตลีบุตรจากเหนือน้ำ
แล้วอาศัยพระเถระเป็นกำลังทรงชำระพระศาสนให้สิ้นเสี้ยนกล่าวคือ
เพราะฉะนั้นการรู้จักบุคคลผู้เหมาะ จึงเป็นสำคัญ ในกิจทุกอย่างไป
สึกพวกเดียรถีย์เสีย
แม้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้ใหม่ ก็ยังทรงเลือกหาเวไนยผู้สมควรจะรับปฐม
เทศนา เหตุว่าพระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นคุณอันสุขุม แสดงแก่ผู้มีปัญญาไม่ถึง ก็จะไม่พึงรู้
จึงเห็น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความตรัสรู้ของพระองค์ก็จะหามีประโยชน์แก่สัตว์โลกไม่ พระพุทธภูมิจะ
ไพบูลได้ก็เพราะมีผู้อื่นตรัสรู้ตามเป็นพระอริยสงฆ์สาวกครบ ๓ รัตนะ หวนทรงพระพุทธดำริถึง
อาฬารดาบสและอุทกดาสบ ผู้ทำกาลกิริยาส่วงไปเสียแล้วนั้นว่า มีปัญญาหลักแหลม ถ้ายังอยู่ฟัง
ธรรมแล้ว ก็จักได้ตรัสรู้ฉับพลัน ต่อนั้นจึงทรงเลือกพระภิกษุเบญจวัคคีย์ เป็นผู้รับประถมเทศนา
พระอนุตตรธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และเมื่อมีพระพุทธประสงค์จะประดิษฐานพระพุทธศาสนาใน
มคธรัฐก็ทรงเลือกจะพาพระอุรุเวลกัสสปไปด้วย เหตุว่าท่านเป็นที่นับถือของคนชาวมคธเป็นอัน
มาก จึงต้องเสด็จพระพุทธดำเนินไปโปรดท่านก่อน ข้อความในประถมสมโพธิ ซึ่งรับพระราชทาน
ชักมาพรรณนาในที่นี้นั้น ก็เพื่อที่จะสันนิษฐานเห็นว่า สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์ทรงบำเพ็ญ
พุทธกิจสำเร็จ ก็เราะทรงรู้จักเลือกบุคคลอันเหมาะแก่การพระคุณสมบัติข้อนี้จัดเข้าในเจโตปริย
ญาณ พระปรีชากำหนดรู้อัธยาศัยน้ำใจของผู้อื่น เป็นองค์แห่งอภิญญาและทศพลญาณ เป็น
อุปการะแก่กัตตุกัมยตาฉันทะอีกส่วนหนึ่ง หากจะมีฉันทะ อยู่ แต่ได้บุคคลผู้ร่วมในกิจไม่เหมาะ
กิจย่อมไม่สำเร็จ, พระอาจารย์ผู้รจนาอรรถอถาธรรมบทแสดงไว้ว่า พอประทานอุปสมบทแก่พระ
สารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ชอบแต่จะประทานแก่ท่านผู้มาบวบก่อนดดยลำดับลงไป, พระองค์
ได้ทรงทราบความแล้วตรัสแก้ว่า พระองค์ทรงทำดังนั้นโดยสมควรแก่บุรพปณิธานของพระสารี
บุตรและพระโมคคัลลานะ พระภิกษุรูปอื่นผู้มาก่อนหาได้มีบุรพปณิธานเช่นนั้นไม่. แม้คำนี้ก็แสดง
ว่า สมเด็จพระบรมศาสดาทรงเลือกบุคคลไว้เหมาะแก่กิจ