ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
๑๔๘
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ
ปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติ และสุขอันเกิดจากวิเวก (ความสงัด) อยู่บรรลุ ทุติยฌานมี
ความผ่องใสแห่งจิต ณ ภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีปีติอละสุขอันเกิดจากสมาธิอยู่ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยกาย เพราะปีติ
สิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่
เป็นสุข บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ
ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นอธิบายในเรื่องสุขของภิกษุ
อธิบายโดยทั่วไป ความสุขที่ทุก ๆ คนได้ นอกจากอาศัยสุขสมบัติประการอื่นแล้วยังต้อง
อาศัยสุขสมบัติทางจิตใจประกอบเป็นหลักสำคัญ คือสมาธิความตั้งใจมั่นหรือฌานความเพ่ง อัน
ได้แก่การปฏิบัติทำจิตใจให้สงบตั้งมั่นเพ่งพินิจในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งของความสงบ อันเป็นกุศล
จึงจะทำให้จิตใจมีสุข เป็นสุขภาพทางจิต มีพละกำลังควรแก่การงาน คือสามารถปฏิบัติงานต่าง
ๆ ที่เป็นประโยชน์ถูกต้องเป็นบุญเป็นกุศลได้ทั้งจะทำให้ได้ทักษะสติปัญญาสามารถในการงานที่
ปฏิบัติทั้งปวง
นตฺถิ ฌาน อปุญฺญสฺส
ปญฺญา นตฺถิ อฌายโต
ยม ฌานญฺจ ปญฺญา จ ส เว นิพพานสนฺติเก
แปลความว่า ฌาน ความเพ่งพินิจย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่เพ่ง
พินิจ ปัญญาและฌานมีในผู้ใด ผู้นั้นแลเข้าไปในที่ใกล้นิพพาน
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่สำเร็จ
พร้อมทั้งทศพิธราชธรรมและบารมีธรรมโดยพระราชประสงค์
ด้วยความที่ทรงมีพระราชมนัส
จิตใจสงบตั้งมุ่งมั่นอันนับได้ว่าเป็นสมาธิหรือฌาน ในระดับที่เป็นราชธรรมเป็นเหตุให้เกิด
ความสุขทั้งที่เป็นส่วนพระองค์ และอาณาประชาราษฎรทั้งปวงตามพระราชประสงค์
พระราชทานถวายวิสัชนา สุขวัฑฒนธรรม เป็นมงคลวิเสสที่
๑
จึงรับ
โภควัฑฒนธรรม พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในจักกวัตติสูตรต่อจากสุขวัฑฒนธรรมว่า
กิญฺจ ภิกฺขเว ภิกขุโน โภคสม เป็นต้นแปลความว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเรื่องโภคะของภิกษุ มีอธิบายอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มจิตประกอบด้วยเมตตาแผ่ไปตลอดทิศ ๑ ทิศที่ ๒ ทิศที่
๓