ข้อความต้นฉบับในหน้า
(เจริญ ญาณวรเถร)
๓๓๔
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
จึงโปรดให้สงฆ์สมมติพระสารีบุตรเข้าไปทำปกาศนียกรรมในกรุงราชคฤห์ว่า แต่ก่อนพระเทวทัตต์
มีปกติอย่างหนึ่งนี้มีปกติอย่างหนึ่งแปลกไปแล้ว พระเทวทัตต์จะทำกรรมใดด้วยกาย ด้วยวาจา
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่รับรู้เห็นด้วยกรรมนั้น พระเทวทัตต์ต้องรับรู้เห็นเอง เรื่องนี้
นอกจากแสดงแผนนิคคหะอย่างเฉียบขาด รุนแรงสำหรับคนแข็งกระด้างยังแสดงเยี่ยงอย่างของ
การณวสิกชนว่า เมื่อมีทางเสียทั้งสองทางย่อมเลือกทำในทางที่เสียน้อย
ในส่วนปัคคหะ พึงเห็นเช่นทรงตั้งพระสาวกผู้เยี่ยมในคุณสมบัตินั้น ๆ ไว้ในเอตทัคค
สถานตามควรแก่เหตุ ที่ทรงยกย่องเป็นพิเศษในลางคราวก็มี แต่ทรงระวังมิให้มีมลทินในข้อนี้
ตลอดไป ก็ด้วยทรงตั้งอยู่ในการณวสิกตา พึงสาธกด้วยเรื่องพราหมณ์ผู้ใคร่จะบูชาพระธรรมรัตนะ
พราหมณ์ผู้นั้นดำริว่า การบูชาพระพุทธรัตนะแลพระสังฆรัตนะ ทำให้ปรากฏได้อยู่ แต่พระ
ธรรมรัตนะจะบูชาได้ด้วยอุบายอย่างไร จึงเข้าไปเฝ้ากราบทูลถามสมเด็จพระบรมศาสดา
พระองค์ตรัสว่าถ้าจะใคร่บูชาพระธรรมรัตนะ ก็พึงบูชาภิกษุพหุสูต, พราหมณ์ทูลขอให้ตรัสบอก
ว่าใครเป็นพหุสูต รับสั่งให้ถามภิกษุสงฆ์ พราหมณ์ ไต่ถามภิกษุสงฆ์ ได้ความว่าพระอานนท์เถร
เจ้าเป็นยอดพหุสุต ในสาวกมณฑล ก็บูชาพระเถรเจ้าด้วยจีวรอย่างดีมีราคาถึงพันกษาปณ์
เรื่องนี้พระองค์ทรงทราบอยู่ว่า พระอานนท์เป็นยอดพหุสูตจนถึงทรงยกย่องไว้ในที่เอตทัคคะควร
จะได้รับบูชา แต่พระอานนท์เป็นทั้งพระญาติใกล้ชิดเป็นทั้งอุปัฏฐากที่สนิท ถ้าพระองค์จะทรงชี้
ตัวพหุสูตเอง อย่างไรก็คงไม่พ้นปรัปปวาทว่ามุโขโลกนะ จึงทรงส่งภาระนั้นให้เป็นหน้าที่แห่ง
สงฆ์ซึ่งเป็นกลาง.
โดยนัยนี้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตั้งอยู่ในการณวสิกตา จนถึงเวลาจะเสด็จดับ
ขันธปรินิพพาน พึงเห็นในการที่ทรงเลือกสถานที่จะปรินิพพานพระองค์ทรงทราบตระหนักอยู่ว่า
เมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว พระสารีริกธาตุของพระองค์จักเป็นสิ่งมีค่ามาก ที่
พุทธศาสนิกชนประสงค์แลหวงแหนกันอย่างยิ่ง ถ้าพระองค์จะเสด็จปรินิพพานในนครใหญ่ ที่เจ้า
ผู้ครองนครนั้นมีแสนยานุภาพมากหากเจ้าผู้ครองนครนั้นจะเกียดกันพระสารีริกธาตุ ไว้ไม่เฉลี่ย
แบ่งปันกันให้เจ้านครอื่น ๆ พระสารีริกธาตุก็จักไม่แพร่หลายไปให้สำเร็จประโยชน์สุขแก่ชนเป็น
อันมากได้ ครั้นเจ้านครอื่น ๆ มาขอแบ่งส่วนพระสารีริกธาตุ หากเจ้าผู้ครองนครนั้นไว้อำนาจ
ไม่ยอมแบ่งให้ ก็จักเกิดสงครามใหญ่ช่วงชิงเป็นสัมประหารกันขึ้นในโลก แม้ว่าการฌาปนกิจ
พระศพจะไม่มโหฬาร แลพระ