ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๑๔๑
ปัญญาญาณ เป็นเหตุให้เกิดความเบิกบานร่มเย็นเป็นสุขทุกกาลสมัย แม้ในยามเกิดทุกข์ภัยความ
ขัดข้อง
ในการเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารต่าง ๆ ได้ทอดพระนคร
เห็นความเดือดร้อนอันเกิดจากธรรมชาติ
และที่กำลังจะต้องเกิดต่อไปแม้ไม่ได้รับการแก้ไขให้
ถูกต้องทันเวลา ทรงเริ่มการแก้ไขปรับปรุงในทันที และเป็นที่ยอมรับกล่าวขานกันทั่วไปว่า
นอกจากจะทรงคิดทรงจัดทำแล้ว ไม่มีผู้ใดอื่นจะสามารถ ความสุขสบายโดยควรของผู้คนพลเมือง
ทั้งหลายทั้งในปัจจุบัน และจะต่อไปในอนาคต เกิดแต่พระมหากรุณาทรงเหนื่อยยาก และเกิดแก่
พระปัญญาเพ่งพินิจพิจารณาโดยแท้
แนวพระราชดำริที่จะเกิดผลสำคัญต่อไป ขอพระราชทานนำมาถวายพระพรในที่นี้ เพียง
๔ ประการ คือ
๑. พระราชทานแบบตัวอย่างการจัดสรรที่ดินของราษฎรแต่ละครอบครัวประมาณ ๑๘
ไร่ในลักษณะสวนผสม มีการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์เป็นต้น เพื่อให้เพียงพอในการบำรุงชีวิต
๒. การปรับปรุงหมู่บ้านให้ราษฎรมีความอยู่ดีกินดี การขาดแคลนน้ำเป็นอุปสรรคสำคัญ
เพราะพื้นที่ทำกินประกอบด้วยนาข้าว ไร่พืชเศรษฐกิจ สวนผลไม้ และแปลงไม้ดอกฝนทั้งช่วงอย่าง
กะทันหันทำให้เกิดปัญหาหนัก ทรงวางแผนปฏิบัติงานช่วยบรรเทาทุกข์อย่างเร่งด่วน ทรงมีพระ
ราชกระแสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักฝนหลวงและการบินเกษตรให้
ปฏิบัติงานช่วยเหลือ
เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำภูมิพล
พระราชทานฝนหลวงตั้งแต่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ลงไปจนถึงอ่างเก็บน้ำ
จังหวัดตาก ทรงติดตามผลอย่างใกล้ชิด
เป็นการทรงพระมหา
กรุณาธิคุณฝึกเจ้าหน้าที่ให้ตระหนักในความรับผิดชอบในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ราษฎร์
และ
ให้เริ่มมีความเชี่ยวชาญในการติดตามสภาพน้ำ ที่สำคัญอย่างยิ่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด
สถานีเรดาร์ฝนหลวงที่อำเภออมก๋อย เชียงใหม่ อันเป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ในการบรรเทาภัยแล้งโดยบังคับให้ฝนตกลงในบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ในลุ่มแม่น้ำปิง และ
อ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ในลุ่มแม่น้ำน่าน นอกจากทรงเตรียมน้ำพระราชทานเพื่อการเกษตรแล้ว ยังทรง
ห่วงใยภาวะมลพิษในดินที่เกิดจากมีไนโตรเจนในดินมากเกินไป อันจะทำให้แหล่งน้ำเสื่อม
คุณภาพเกิดโทษแก่ผู้นำไปบริโภค มลพิษไนโตรเจนเกิดจากการชะล้างพังทลายของหน้าดินจึง
ทรงมีพระราชดำริให้ปลูกหญ้าแฝก เพื่อยึดดินไว้มิให้พังทลาย ซึ่งได้ผลดีเป็นอันมาก