อุเบกขาในปัญญา มงคลวิเสสกถา หน้า 189
หน้าที่ 189 / 390

สรุปเนื้อหา

อุเบกขาในปัญญาเป็นการพิจารณาและค้นคว้าที่มีความมัธยัสถ์กลางๆ เมื่อค้นพบสิ่งต่างๆ จึงไม่ต้องยึดมั่นอีกต่อไป ในบริบทของวิปัสสนา ผู้ที่ดำเนินการวิปัสสนารู้ได้ถึงไตรลักษณ์ จึงสามารถวางใจได้อย่างอุเบกขา นอกจากนี้ยังอธิบายถึงอุเบกขาในสติปัฏฐานและความเพียร ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจจิตใจของตนเองได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีการยกตัวอย่างจากทศชาติชาดกและการแสดงถึงบารมีอุเบกขาที่เกิดจากการศึกษาและปฏิบัติในธรรมะ

หัวข้อประเด็น

- อุเบกขาในปัญญา
- วิปัสสนาและอุเบกขา
- อุเบกขาในสติปัฏฐาน
- การพิจารณาไตรลักษณ์
- อุเบกขาในความเพียร
- เรื่องราวจากทศชาติชาดก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อุเบกขาในปัญญา คือปัญญาส่วนเหตุ อันได้แก่ปัญญาที่ใช้พิจารณาย่อมมีอาการวิจัย คือ ค้นหา เลือกเฟ้น และมีอาการยึดสิ่งที่ค้นนั้นไว้ จึงยังไม่เป็นอุเบกขา ส่วนปัญญาส่วนผล ได้แก่ปัญญาที่ค้นพบแล้วย่อมมีอาการว่างแล้วหยุด เพราะไม่ต้องค้นไม่ต้องยึดอีก จึงเป็นอุเบกขา อุเบกขาในโพชฌงค์มีลักษณะดังนี้ แต่ในที่นี้มุ่งถึง อุเบกขา ในวิปัสสนา ดังที่กล่าวเป็นหัวข้อ อุเบกขาในปัญญาและในปัญญาและในสังขารมีอุปมาเหมือนอย่างว่าคนผู้หนึ่งค้นหางูที่เลื้อยเข้าใน บ้าน เห็นงูนอนขดในที่แห่งหนึ่ง มองดูว่างูหรือมิใช่ ครั้นได้เห็นลายแฉกขนศรีษะก็สิ้นสงสัย ได้ ต้องค้นต่อไปว่าใช่งูหรือมิใช่งู เรียกว่าอุเบกขาซึ่งมีอาการมัธยัสถ์เป็นกลางขึ้นในการค้น หมายความว่าเลิกค้นได้ฉันใดการทำวิปัสสนาก็ฉันนั้น เมื่อได้พิจารณาเห็นไตรลักษณ์แล้วก็หยุด ค้น ให้เห็นไตรลักษณ์ต่อไปได้ เรียกว่า มีอุเบกขาในวิปัสสนา มีอาการอย่างเดียวกัน อนึ่ง เมื่อ ได้เห็นงูจึงใช้ไม้มีง่ามจับไว้มั่นคือว่าจะนำไปปล่อยอย่างไร งูจึงจะไม่มีอันตราย และตนเองก็ ปลอดภัย ครั้นปล่อยงูเสียเสียแล้ว ก็เกิดอุเบกขาในการจับ คือเรื่องการจับงูผ่านพ้นไปแล้ววางใจ ผลทางวิปัสสนา ก็ฉันนั้น เมื่อได้อุเบกขาในวิปัสสนาปัญญาแล้วก็จะได้อุเบกขาที่มี ลงได้ฉันใด อาการมัธยัสถ์เป็นกลาง ในสังขาร คือ ปล่อย ไมยึดไว้ อุเบกขาในสติปัฏฐาน คือเมื่ออบรมปฏิบัติในสติปัฏฐานไปโดยลำดับถึงข้อที่ ท่านแสดงว่า “เห็นการละความยินดียินร้ายนั้นด้วยปัญญา เพ่งเป็นอุเบกขาอยู่ด้วยดี” แล้ว นอกจากนี้ยังมี อุเบกขาในความเพียร หมายถึงประคองความเพียรไว้ได้สม่ำเสมอไม่ หย่อน ไม่ตึง อุเบกขาในเวทนา คือ เสวยเวทนาที่เป็นกลาง ๆ ไม่ทุกข์ไม่สุข อุเบกขาใน เจตสิกธรรม ที่มีอาการของจิตที่มัธยัสถ์เป็นกลางในอารมณ์นั้น ๆ อุเบกขา ๒ อย่างหลังนี้ เป็นเรื่องของธรรมธรรมดา ในทศชาติชาดก เฉพาะ นารทชาดก ท่านแสดงถึงบารมีข้อนี้ คือข้ออุเบกขาบารมี นี้ เรื่องย่อมีว่า พระเจ้าอังคติราชแห่งวิเทหะ ทรงฟังคำสอนของคุณาชีวกแล้วทรงเห็นผิดไปตามว่าบุญ บาปไม่มี เป็นต้น พระรุจาราชธิดาถวายคติธรรมที่ชอบก็ไม่ทรงละมิจฉาทิฐินั้น พระพรหมนาร ทะได้ทรงอธิษฐานขอให้ช่วยของพระราชธิดา จึงได้ลงมาแสดงธรรมจนพระเจ้าอังคติราชถอน ความเห็นผิด เรื่องนี้แสดงว่า พระพรหมนารทะได้นำเพ็ญสมาธิจนได้ญาณสมาบัติมาแล้ว องค์ สำคัญของญาณชั้นสูงคือ อุเบกขาอันบริสุทธิ์ จึงถือชาดกนี้ว่าแสดงอุเบกขาบารมี สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ๑๙๔
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More