ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญญาณวรเถร)
อปปเกน เมธาวี
สมุฎฐาเปติ อตฺตานํ
ปากเฏน วิจกุขโณ
อณ์ อคคิ้ว สนธม
២៧២
។
ความว่า บุคคลผู้มีปัญญา คาดเหตุผลประจักษ์ ย่อมยังตนให้ตั้งขึ้นได้ในยศศักดิ์ศฤงคาร ด้ว
ทรัพย์ที่เป็นต้นทุนแม้มีประมาณน้อย ดุจชนก่อไฟนิดเดียวให้เป็นกองโตขึ้นได้ฉะนั้น ทีฆาวุกุมาร
พระราชโอรสพระเจ้าที่มีติผู้ครองโกศลรัฐ อุบัติเมื่อภายหลังแต่ พระชนกเสียพระนครแก่พระเจ้า
พรหมทัตต์ผู้ครองแคว้นกาสี ได้อาศัยความเพียรด้วยดี ตั้งต้น ไปฝากตนอยู่ในสำนักหมอช้างพระ
ที่นั่ง ดีดพิณดังไปถึงพระเจ้าพรหมทัตต์เป็นที่พอพระราชหฤทัย ไม่ทรงทราบว่าเป็นบุตรอมิตร ก็
โปรดให้รับราชกิจโดยมิได้ทรงทรงระแวงทีฆาวุก็แสดงความภักดีแลสามารถเป็นลำดับมา จนพระ
เจ้าพรหมทัตต์ทรงพระเมตตาชุบเลี้ยงเป็นคนสนิท ตามเสด็จพระองค์ทุกแห่งสถาน คราวหนึ่งได้
ช่องที่จะปลงพระชนมพระเจ้าพรหทัตต์ แก้แค้นแทนพระบิดา แต่มาระลึกถึงโอวาที่พระชนก
ประทานไว้ในข้อว่า จงเห็นยาวดีกว่าสั้น จึงทำอาการเพียงให้ตกพระทัยเท่านั้นแล้วยกพระชนม์
ถวาย ได้โกศลรัฐของตระกูลเดิมเป็นค่าไถ่ กับพระราชธิดาเป็นคู่ครองภายหลังรวมสองพระนคร
มาไว้ในอาณาจักรอันเดียวได้ ความเพียงเป็นองค์อันหนึ่งซึ่งยังบุคคลผู้มีปัญญาให้ตั้งตนไว้ในโภค
ทรัพย์แลอิสริยยศศักดิ์ ทำตนให้เป็นดังเกาะที่พึงพำนัก ด้วยประการฉะนี้ เหตุดังนั้น สมเด็จพระ
สุคตศากยมุนีบรมโลกนาถ จึงประทานพระบรมพุทโธวาทไว้ว่า
อุฏฺฐาเนนปุปมาเทน
ทีป์ กยิราถ เมธาวี
สญฺญเมน ทเมน จ
ย์ โอโฆ นาภิกีรติ
។
ความว่า ชนผู้มีปรีชาควรทำเกาะ กล่าวคือที่พึ่งของตน ให้เป็นตำบลที่ห้วงน้ำจะท่วมไม่ได้ ด้วย
ความหมั่นเป็นเหตุลุกขึ้นทำการงานไม่อยู่เฉย ด้วยควาไม่เลินเล่อ
๑
๑ ด้วยความระวัง แล
ด้วยความปราบปราม พระพุทธภาษิตนี้ ให้ได้ความสันนิษฐานลงโดย ๒ นัย คือโดย
พยัญชนะแลโดยอรรถ โดยพยัญชนะนัยนั้นว่า เกาะหรือดินแดน ที่ตั้งเป็นประเทศบ้านเมืองอัน
เป็นถิ่นฐานของตน ได้ชื่อว่าเกาะ เกาะนี้ชื่อว่าเป็นที่พึ่งของชนผู้เกิดผู้อยู่ในที่นั้น ด้วยความเป็น
เจ้าของ เพราะเป็นที่พำนักอาศัย อันตรายภายในภายนอกที่จะพึงเกิดแก่ถิ่นฐาน ได้นามโวหาร
ว่าห้วงน้ำ เกาะในมหรรณพถล่มตามลำพังตนเอง เพราะเหตุบันดาลให้เป็นไป เช่น ภูเขาไฟ
ระเบิด ห้วงน้ำก็จะเกิดท่วม ทำให้เป็นสมุทร มิฉะนั้น เกาะตั้งอยู่ที่สุดปริ่มน้ำ เมื่อเกิดพายุใหญ่
ทำให้สาครกำเริบจลาจล