ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
ทรงขวนขวาย
๑๗๗
โดยเหตุที่มิได้ร้อยไว้ด้วยด้าย ส่วนพรหมจรรย์ศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้ากกุสันธะของพระผู้
มีพระภาคเจ้าโกนาคมนะ ของพระผู้มีพระภาคเจ้ากัสสปะตั้งอยู่นานเพราะพระผู้มีพระภาคเจ้า ต
พระองค์นี้
เพื่อแสดงธรรมโดยพิสดารแก่สาวกทั้งหลายสุตตะ เคยยะ เป็นต้นมี
มากทรงบัญญัติสกขาบทแก่สาวกทั้งหลายทรงแสดงปาฏิโมกข์ โดยอันตรธานแห่งพระพุทธเจ้า
เหล่านั้นโดยอันตรธานแห่งสาวกพุทธานุพุทธะ สาวกภายหลัง ต่างนาม ต่างโคตร ต่างชาติ
ต่างตระกูล บวชแล้วตั้งพรหมจรรย์ นั้นตลอดกาลนานเหมือนดอกไม้ต่าง ๆ ที่วางไว้ บนแผ่น
กระดานร้อยไว้ดีแล้วด้วยด้าย ลมย่อมไม่เกลี่ยเรี่ยรายกระจัดกระจายดอกไม้เหล่านั้น โดยเหตุที่
ร้อยไว้ดีแล้วด้วยด้าย
ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลว่า
เป็นกาลที่พระผู้พระภาคเจ้าจึงทรงบัญญัติ
สิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย ทรงแสดงปาฏิโมกข์ โดยประการที่พรหมจรรย์ศาสนานี้จึงดำรงอยู่
นาน ตั้งอยู่นานพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้โดยความว่า จงรออยู่ก่อน ตถาคตจักรู้กาลในการ
บัญญัติสิกขาบทนั้น พระศาสดายังไม่บัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลาย ไม่แสดงปาฏิโมกข์ ตราบ
เท่านั้นที่อาสวัฏฐานิยธรรม คือ ธรรมที่เป็นที่ตั้งแห่งอาสวะกิเลสดองจิตสันดานบางอย่างในโลกนี้
ไม่เกิดปรากฏในสงฆ์ แต่ในกาลที่อาสวัฏฐานิยธรรมบางอย่างในโลกนี้ยังไม่ปรากฏในสงฆ์ก่อน
ตราบเท่าที่สงฆ์ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่ที่รู้ราตรีนาน คืออยู่มานาน ตราบเท่าที่สงฆ์ยังไม่ถึง
ความเป็นหมู่ใหญ่ที่ไพบูลย์คือจำนวนมากตราบเท่าที่สงฆ์ ยังไม่ถึงความเป็นหมู่ใหญ่ด้วยลาภอัน
เลิศ จริงอยู่ ภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้อย่างต่ำเป็นโสดาบัน
ต่อมา เมื่อมีภิกษุประพฤติไม่ดีไม่งามขึ้น เรียกว่าได้มีอาสวัฏฐานิยธรรมเกิดขึ้น ในสงฆ์
พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวกทั้งหลายเป็นคราว ๆ ๆป และได้ทรงแสดงปาฏิ
คือโอวาทปาฏิโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลาย ต่อมาอีกจึงโปรดให้ภิกษุสงฆ์สวดสิกขาบทที่ทรง
โมกข์
บัญญัติขึ้นเป็นปาฏิโมกข์เอง
อนึ่ง ได้ทรงบัญญัติสิกขาบทแก่คฤหัสถ์ทั้งหลาย ให้มีเวรมณี คืองดเว้นจากภัยเวร ๕
ประการดังที่เรียกว่า ศีล ๕ เป็นต้นโดยให้คฤหัสถ์สมาทานพระอาจารย์จึงได้แสดงจำแนกวินัยว่า
มี ๒ คือ อนาคาริยวินัยสำหรับบรรพชิต และอาคาริยวินัย วินัยสำหรับ