ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
๑๗๘
คฤหัสถ์ ผู้ครองเรือน และแสดงว่า อนาคาริยวินัยได้แก่การไม่ต้องอาบัติ
๗ กอบอีกนัยหนึ่ง
ได้แก่ จตุปาริสุทธิศีล ศีลที่บริสุทธิ์ ๔ คือ ปาฏิโมกข์สังวร ความสำรวมในปาฏิโมกข์อินทรี
สังวร ความสำรวม อินทรีย์คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อาชีวปาริสุทธิ ความเลี้ยงชีพ
บริสุทธิ์ปัจจัยสันนิสสิตะ อาศัยปัจจัยคือพิจารณาบริโภคปัจจัยสี่
๓
การเว้นจากอกุศลกรรมบถ ทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล ๑๐ ประการ ชื่ออาคาริยวินัย
วินัยของคฤหัสถ์ คือเว้นจากกายกรรมฝ่ายอกุศล ได้แก่ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดใน
กามเว้นจากวจีกรรมฝ่ายอกุศล ๔ ได้แก่ พูดเท็จ พูดเสียด พูดหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อ
เหลวไหล เว้นจากมโนกรรมกรรมฝ่ายอกุศล ๓ ได้แก่ โลภเพ่งเล็งทรัพย์สมบัติของผู้อื่นคิดปอง
ร้ายผู้อื่น เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม แต่มีสัมมาทิฏฐิ เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม แม้
ศีลสำหรับคฤหัสถ์ทั้งหมด มีศีล ๕ เป็นต้น ก็นับรวมเข้าด้วย
วินัยนั้น ชื่อว่าศึกษาดีแล้ว เพราะไม่ต้องโทษเครื่องเศร้าหมอง และเพราะทำตนให้
ตั้งอยู่ในคุณมีมารยาท ชื่อว่ามงคล เพราะนำประโยชน์สุขมาให้ในโลกทั้ง ๒
พระดาบสโพธิสัตว์ชื่อคันธาระได้กล่าวเตือนดาบสสหายว่า “ถ้าปัญญาของตนเองหรือ
วินัยที่ศึกษาดีแล้วจะไม่มีไซร้ ชนเป็นอันมากก็จะพึงเที่ยวไป เหมือนกระบือบอดเที่ยวไปใน
ก็แต่เพราะสัตว์บางเหล่าในโลกนี้เป็นผู้ศึกษาดีแล้ว ในสำนักอาจารย์ฉะนั้น
เหล่านั้นเป็นผู้มีปัญญา มีวินัย อันอาจารย์แนะนำแล้ว มีใจมั่นคงแล้ว จึงเที่ยวไป”
ป่า
สัตว์
พระโพธิสัตว์ได้แสดงความนี้ว่า “ก็ผู้นี้ยังเป็นคฤหัสถ์ ควรศึกษาข้อศึกษาอันสมควร
แก่สกุลของตน ที่เป็นบรรพชิตก็ควรศึกษาข้อควรศึกษาอันสมควร แก่บรรพชาเพราะว่า
แม้คฤหัสถ์ทั้งหลายผู้ศึกษาดีในการงาน มีกสิกรรมและโครักขกรรมเป็นต้น ชื่อว่าสมควร
แก่สกุลของตน เป็นผู้มีอาชีพสมบูรณ์แล้วชื่อว่าถอยกลับเป็นต้นอันนำมาซึ่งความเลื่อมใส
และในอธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา และอธิปัญาสิกขา ซึ่งสมควรแก่บรรพชาชื่อว่าเป็นผู้มีจิต
มั่นคงดีเที่ยวไป”
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสในมงคลสูตรว่า
วินโย จ สุสิกขิโต
วินัยอันศึกษาดีแล้ว ข้อนี้เป็นมงคลอันอุดม
เอตมุมงฺคลมุตฺตม์.