ข้อความต้นฉบับในหน้า
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
๓๙
อีกประการหนึ่ง ชนผู้นับเนื่องในหมู่เดียวกันประพฤติตามฉันที่เป็นพวกเดียวกัน ไม่คิดอา
รัดเอาเปรียบ ต่างรักษาประโยชน์ของกัน ดังนี้ ได้ชื่อว่าประพฤติตนสม่ำเสมอในตัปปริยาปันน
ธรรม คือ ธรรมของชนผู้เนื่องในหมู่นั้น ธรรมดาชนผู้นับเนื่องในหมู่เมื่อคิดจะรักษา
ประโยชน์ตน ก็ต้องรักษาประโยชน์ผู้อื่น ด้วยเหมือนกัน ประโยชน์ของตนจึงจะมั่นคงถาวร ถ้าเห็น
แต่ได้และตัดรอนประโยชน์ผู้อื่น ประโยชน์ตนก็จะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ เหมือนดังไม้หลาย ๆ อันที่ตั้ง
ยันกันอยู่ มีผู้ชักออกเสียจนมีกำลังไม่พอจะทานกันไว้ได้ ก็ต่างจะล้มฉะนั้น แม้พระพุทธภาษิต
ในปกิณณกวรรค แห่งพระธรรมบทก็ได้ แสดงความข้อนี้ไว้โดยบรรยายว่า
ปรทุกฺขปธาเนน
โย อตฺตโน สุขมิจฺฉติ
บุคคลผู้ใดปรารถนาสุขเพื่อตน เพราะเข้าไปตั้งไว้ซึ่งทุกข์ให้แก่ผู้อื่น
เวรสํสดุค สฏฺโฐ
เวรา โส น ปริมุจฺจติ
บุคคลนั้นระคนอยู่ด้วยสังสัคคะคือเวร ย่อมไม่พ้นไปจากเวรได้ ดังนี้ เหตุดังนั้น สมเด็จพระบรม
โลกนาถเจ้า จึงตรัสสั่งสอนคนที่เป็นหมู่เหล่าให้ประพฤติถ้อยคำที่รักษาประโยชน์ของกันและกัน
ข้อนี้จึงสันนิษฐานตามพระบรมพุทโธวาท ที่โปรดประทานแก่ภิกษุสงฆ์ให้ตั้งกายกรรม วจีกรรม
มโนกรรม ประกอบด้วยจิตเมตตาในกันและกัน เฉลี่ยลาภที่หาได้สู่กันบริโภค มีศีลเสมอกัน มี
ทิฏฐิเสมอกัน ให้เคารพนับถือภิกษุเถระผู้ใหญ่ในสงฆ์ และตั้งใจปรารถนาเพื่อนสพรหมจารีที่ยังมี
ได้มา ให้มาสู่อาวาส ที่มาแล้ว ให้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นอาทิ. และพระบรมพุทโธวาทที่โปรด
ประทานแก่คฤหัสถ์ถชน ในข้อนี้นั้นพึงสันนิษฐานตามความในอปริหานิยธรรมสูตร ที่ตรัสสอน
พวกเจ้าลิจฉวีบางข้อ อนุโลมแก่การปกครองอาณาจักรวัชชีซึ่งมีประเพณีเป็นคณานุศาสตร์ คือ
การปกครองด้วยความเป็นหมู่ เจ้าลิจฉวีทั้งหลายพร้อมกันเป็นคณะผู้บัญชากิจการบ้างเมืองทั่วไป
ไม่มีใครเป็นอิสระเฉพาะตน เป็นแต่มีหัวหน้าผลัดเปลี่ยนกันตามวาระประชุม พร้อมกันในสัณ -
ฐาคารสถาน วินิจฉัยกรณียกิจไปตามสมควร ให้พวกวัชชีหมั่นประชุมกัน เมื่อถึงคราวประชุมก็
ให้พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกก็ให้พร้อมเพรียงกันเลิก ให้พร้อมเพรียงกันทำกิจนั้น ๆ สิ่งใด
ๆ ที่ไม่ได้บัญญัติขึ้นโดยสามัคคีธรรม ก็อย่าให้พวกวัชชีบัญญัติขึ้นเอง สิ่งใด ๆ ที่ได้บัญญัติขึ้น
แล้วเช่นนั้น ก็อย่าให้เลิกถอนเสียเอง ให้ประพฤติวัชชีธรรมของเก่าที่
(๑) ขุ. ธ. ๒๕/๕๓.
ໆ