การตัดสินใจของอสูรและเทวดา มงคลวิเสสกถา หน้า 339
หน้าที่ 339 / 390

สรุปเนื้อหา

ในสงครามระหว่างเทวดาและอสูร ท้าวเวปจิตติชวนให้แข่งกันโดยใช้ภาษิต และในที่สุดได้ข้อสรุปว่าโสรัจจะจะนำมาซึ่งความสงบ แม้ในความพิพาทของบุคคลหรือประเทศก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องค้นหาทางปรองดองเพื่อให้เกิดความสงบทางจิตใจ โดยการยืนหยัดต่ออำนาจอย่างมีความสุขและไม่ใช้ความรุนแรงมาปฏิสัมพันธ์ เนื้อหานี้ชี้ให้เห็นถึงกระบวนการที่โสรัจจะและขันติเป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ

หัวข้อประเด็น

- การตัดสินใจของอสูรและเทวดา
- ความสำคัญของโสรัจจะ
- ความสัมพันธ์ระหว่างขันติและโสรัจจะ
- วิธีการแก้ไขปัญหาภายในและระหว่างประเทศ
- การจัดการในสังคมเพื่อความสงบ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

แลพวกอสูรต่างเลือกตั้งชุมนุมไว้เพื่อเป็นผู้ตัดสิน ๓๔๔ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) ครั้งสงครามแห่งเทวดาแลอสูรประชิดกันอยู่ ท้าวเวปจิตติอสุรินทร์ชวนท้าวเทวินทราธิราชให้แข่ง เอาชนะกัน ในทางกล่าวภาษิตโต้ตอบกันเป็นสงครามปาก ท้าวสุชัมบดีทรงยอมตาม พวกเทวดา พวกอสูรเคยอยู่ในชั้นดาวดึงส์มาก่อน จึงให้ ท้าวเปจิตติเริ่มก่อน จอมอรมรตรัสแก้ คำของท้าวเวปจิตติ ในหนหลังโต้ตอบกันไปมา ในที่สุด ชุมนุมนั้นติดสินว่า ภาษิตของท้าวเวปจิตติเป็นเหตุจับทัณฑะศัสตราประหัตประหารกัน ภาษิต ของท้าวสักกเทวราชเป็นเหตุระงับความเบียดเบียนให้ท้าวเทวินทร์ชนะ ทั้งสองฝ่ายตั้งอยู่ในโสรจะ แสวงหาทางสงบสงครามด้วยเลิกสัมประการฉะนี้ แม้ความพิพาทในระหว่างบุคคลก็ดี ใน ระหว่างประเทศก็ดี อันผู้มีเกี่ยงข้องหาทางปรองดองโดยเรียบร้อย เช่นตั้งอนุญาโตตุลาการก็จัด ว่าระงับด้วยโสรัจจะธรรม อีกประการหนึ่ง มีเหตุจะพึงใช้อำนาจ แต่หาทางผ่อนปรนที่จะไม่ต้อง ใช้ได้เพียงไรก่อนจึงเห็นอุทาหรณ์ เช่นมีพระพุทธานุญาตให้สงฆ์ทำปัพพาชนียกรรมขับภิกษุผู้ ลามกจากอาวาส มีธรรมเนียมที่สงฆ์จะพึงห้ามภิกษุนั้นแต่โดยดีก่อนถึง ๓ ครั้ง ต่อไม่ฟังจึงสวด ประกาศทำกรรมนั้น อนึ่ง เมื่อมีเหตุอันจะพึงใช้ขันติ หาทางปลอบจิตมิให้นึกถึงความที่ไม่ได้ตั้งใจ ว่ามีเป็นธรรมดา หรือมานึกถึงกัมมัสสกตา คือความที่สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน จำเสวยผล แห่งกรรมที่ทำนั้น, ขันติแลโสรัจจะต่างเป็นอัญญมัญญปัจจัยแห่งกันแลกัน คือต่างเป็นเหตุอิง อาศัยกันแลกัน คนชอบในทงสงบเสงี่ยม จึงอดกลั้นเหตุอันไม่เป็นที่ปรารถนา คนถือขันติ ก็ จำต้องหาทางปลอบจิตมิให้อึดอัด กลับให้แช่มชื่นด้วยโสรัจจะ ต่างเป็นผู้ของกันฉะนี้ ชนมีโสรัจ จะเป็นธรรม ย่อมมีสติสัมปชัญะสอดส่องเห็นการณ์ไกล ทำอะไรไม่หุนหันห่างความพลั้งพลาด อันเป็นเหตุวิปฏิสารเมื่อภายหลัง เหตุดังนั้น โสรัจจะจึงเป็นมงคลอันล้ำเลิศ ให้เกิดวุฒิสิริสวัสดิ์ จัดเป็นประการที่ ๒ สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ยังทรงพระคุณสมบัติ ๒ ประการนี้ให้เป็นไป ในทางอันควรแล้ว จะพึงบำเพ็ญพระราชกรณียะสำเร็จโดยเย็น เป็นที่นิยมชมชื่นของมหาชน แต่ นั้นสิริสวัสดิพัฒนมงคล ก็จะเกิดมีแต่สมเด็จ ฯ เจ้า มีพระราชจรรยานั้นเป็นมูล รัฏฐาภิบาลโนบายนั้น คือวิธีปกคองพระราชอาราจักร จะชักมาถวายวิสัชชนา เพียง สังคหะหรือสงเคราะห์ คือการรู้จักยึดเหนี่ยวน้ำใจคน, คุณข้อนี้เป็นกำลังสำคัญ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More