ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
๓๓๕
พระสารีริกธาตุจักไม่แพร่หลายไพศาลก็ตามทีแต่ซึ่งโลกจะมาฆ่าฟันกันป่นปี้ เพราะอัฐิของพระองค์
เป็นเหตุนั้นไม่ดีไม่งามเลย พระอัฐิธาตุนั้นควรบูชาด้วยดอกธูปเทียนชวาลาจะกลายเป็นบูชากัน
จะกลายเป็นอาบย้อมกันด้วยโลหิต ปวง
ด้วยศัสตราวุธควรจะโสรจสรงประพรมด้วยน้ำหอม
บัณฑิต ในภายหลังก็จักพากันตั้งตำหนิติเตียนไม่รู้แล้วว่าเสียแรงยกพระองค์เป็นพระสัญญู แต่จะ
รู้สึกนึกว่าอัฐิของพระองค์จะอาบโลหิตก็หาไม่เมื่อยังมีชีวิตอยู่สารพัดรู้สารพัดดี สิ้นชีวิตแล้ว ทำ
ให้โลกเดือดร้อนเห็นปานนี้ไม่สมควรเลย ด้วยเหตุฉะนี้ จึงอุตสาหะเสด็จไปปรินิพพาน ณ กุสิ
นารานครน้อย ซึ่งทรงพิจารณาคาดเห็นว่า โทษทั้งปวงนั้นจะไม่เกิดมีเป็นแน่ แลการก็เป็นสมจริง
อย่างนั้น เพราะสมเด็จพระบรมศาสดาเป็นบรมการณวสิกชน แลสาวกทั้งหลายก็เจริญรอยตาม
พระบาทยุคลเช่นนี้ สงครามเนื่องด้วยพระพุทธศาสนาจึงไม่มี แม้ในกาลไหน ๆ มาจนบัดนี้ข้อ
นี้น่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
แท้จริง พระพุทธสากผู้มีบุญญาภินิหาร แลปรีชาญาณสามารถ ย่อมเจริญตามรอยพระ
บาทในการณวสิกตาคุณนี้ทั้งนั้น จึงผ่อนผันรักษาพระศาสนามาได้ด้วยดี ในที่นี้จะยกเรื่องพระ
อานนท์มาเป็นนิทัศนะ
คราวหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงนิมนต์พระบรมศาสดา ขอให้เสด็จมารับภิกษา ณ
พระราชนิเวศน์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ประจำเนืองนิตย์ สมเด็จพระธรรมสวามิศรทรงคัดค้านว่า
ธรรมว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมไม่ทรงรักภิกษาหารประจำในที่แห่งเดียว เพราะว่าชนผู้มีศรัทธา
ทั้งหลาย ต่างก็หวังที่จะให้เสด็จไปโปรดอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ท้าวเธอทูลขอให้ทรงจัดภิกษุรูปหนึ่งเป็น
ผู้แทนก็ได้ พระองค์จึงทรงมอบภาระเรื่องนี้แก่พระอานนท์ ฝ่ายพระเจ้าปเสนทิโกศลมิได้ทรง
มอบหมายพระราชภาระเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผู้ใดผู้หนึ่ง แลมิได้ทรงสั่งไว้ว่า เมื่อภิกษุมาถึงแม้
ยังไม่เสด็จออก ก็ให้ราชบุรุษปูลาดอาสนะ นิมนต์ให้นั่งแล้วอังคาสได้ ทรงอุตสาหะจัดอังคาส
ด้วยพระองค์ถึง ๗ วันมิได้ขาด วันต่อมามีราชกิจเป็นเหตุให้เสด็จออกช้ากว่าที่เคยถึง
ๆ กัน ก็ธรรมเนียมในราชตระกูลนั้น เมื่อมิได้มีราชาณัติ ใคร ๆ ย่อมไม่อาจจัดทำอะไรได้
เพียงแต่ปูลาดอาสนะแล้วนิมนต์ภิกษุให้นั่ง ก็ไม่มีใครกล้าทำ ภิกษุทั้งหลายจำต้องยืนคอย ที่ทนยืน
อยู่ไม่ไหว กลับไปเสียหลายรูป วันที่ ๒ ก็เป็นเช่นนั้น วันที่ ๓ เหลือแต่พระอานนท์ยืนคอยอยู่
ผู้เดียว ขาทนียะของควรเคี้ยวแลโภชนียะของควรบริโภคเหลือมากมาย พระเจ้าปเสนทิโกศลทรง
พระพิโรธภิกษุทั้งหลายว่าแกล้งทำการตัดรอนไม่ไว้พระพักตร์ เสด็จไป
๓ วันติด