ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
พ.ศ. ๒๔๗๕
៧២៧
ในปีนี้ (พ.ศ. ๒๔๗๕) จะเลือกธรรมมารับพระราทานถวายวิสัชนา ๒ ประการ คือ กา
รณวสิกตา ๑ รัฏฐาภิปาลโนบาย พอเป็นนิทัศนนัย
๑
การณวสิกตา แปลตามพยัญชนะ ความเป็นผู้เป็นไปในอำนาจแห่งเหตุเรื่องอันเกิดขึ้นซึ่ง
เรียกว่าการณ์นั้น ย่อมมีช่องทางส่อแสดงความจำเป็น หรือเหมาะควรที่บุคคลจะพึงกระทำ
อย่างไรอยู่ในตัวทุกเรื่อง ผู้กำหนดเห็นความจำเป็นหรือความเหมาะควรนั้นแล้ว ประพฤติกระทำ
ไปเท่าที่จำเป็นแลตามเหมาะตามควรนั้น ไม่ฝ่าฝืนดื้อรั้นทำไปตามความพอใจตน อันเป็นการล่วง
ล้นกว่าจำเป็นไปก็ดีนอกเหนือความเหมาะความควรก็ดี นี้เรียกว่าการณวสิโก ผู้อยู่ในอำนาจแห่ง
เหตุ, กิริยาที่เป็นเช่นนั้น ชื่อว่า การณวสิกตา
ยาก
คุณข้อนี้ บัณฑิตในพระพุทธศาสนานิยมยกย่องว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญของบุคคลผู้มี
บุญญาภินิหาร ถึงเห็นในคำพระอรรถกถาจารย์ปรารถพระอานนท์เถรเจ้ากล่าวไว้ว่า ปุญญวนตา
นาม การณวสิกตา โหนติ ชื่อว่าผู้มีบุญทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้อยู่ในอำนาจแห่งเหตุฉะนี้ จริง
อยู่ บุคคลได้ชื่อว่าผู้มีบุญ ก็เพราะได้บำเพ็ญคุณความดีมาแล้วมากอันความดีย่อมเป็นการที่ทำ
เพราะเป็นการทวนกระแสใจผู้ฝ่ากระแสนั้นทำความดีได้ก็เหมือนพายเรือทวนกระแสน้ำอัน
เชี่ยว ผู้มีน้ำใจไม่เด็ดเดี่ยวก็ทำไปไม่ไหว แต่การที่อุตสาหะทำความดีไป ย่อมเป็นอุบายเพาะ
กำลังใจไปด้วยกัน ดุจชนผู้หมั่นขยันประกอบการงาน ก็เป็นอันทำกายบริหาร ซึ่งเป็นฐานให้เกิด
กำลังการไปในตัวฉะนั้น เมื่อบากบั่นทำความดีไปนาน ๆ ใจย่อมเคยชินต่อความยากลำบาก แล
หน่ายจากอกุศลโทษมาอภิรมย์ในกุศลกิจอันเป็นคุณประโยชน์โดยมิต้องเคี้ยงเข็ญ เป็นพลอินทรีย์
ขึ้นในสันดาน ข้อนี้เป็นปัจจัยแห่งอภินิหาร คือคุณเครื่องทำใจให้เด็ดเดี่ยวมั่งคง อันนำส่งบุคคล
นั้นให้ถึงความเป็นใหญ่ ผู้มีอำนาจทางใจเห็นปานนั้น จึงอาจเป็นผู้มั่นในคุณคือการณวสิกตา ไม่
ฝ่าฝืนอำนาจกล่าวคือความจำเป็นที่ประกอบด้วยความสมควรแห่งเหตุการณ์นั้น ๆ เพราะใจเคย
อดทนทำความดี แลชินต่อความลำบากมามาก ไม่ยากที่จะแลทน. อันความ