ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
พ. ศ. ๒๔๗๘
๓๕๐
ในปีนี้ (๒๔๗๘) จะเลือกธรรมมารับพระราชทานถวายวิสัชนา ๒ ประการ คือ ปุพเพกต
ปุญญตา ๑ อปจายนธรรม ๑ พอเป็นนิทัสนนัย
ปุพเพกตปุญญตา นั้น คือความที่บุคคลมีบุญได้เคยบำเพ็ญมาในปางก่อน คุณข้อนี้ที่ส่อ
บุคคลผู้มีบุรพาธิการให้เพเศษกว่าสามัญชน ด้วยชาติสมบัติ อิสริยสมบัติ โภคสมบัติ และญาณ
สมบัติ, ประชาชนผู้เกิดมาย่อมปรากฏโดยอาการต่าง ๆ กัน เช่น ลางพวกเกิดในตระกูลต่ำ ลาง
พวกเกิดในตระกูลสูง ลางพวกมียศมีอำนาจ บางพวกไร้ยศไร้อำนาจ ลางพวกมั่งมี บางพวก
ยากจน ลางพวกโง่เขลา ลางพวกฉลาดเฉลียว เป็นเช่นนี้ ท่านว่าเพราะกรรม กรรมย่อม
จำแนกสัตวโลกให้เป็นผู้ต่ำช้าและประณีตต่าง ๆ กัน. บุคคลผู้มีบุรพาธิการ เมื่อเกิดในโลก ย่อม
เกิดในตระกูลสูงที่มียศมีอำนาจโภคทรัพย์ ทั้งมีปรีชาฉลาดเฉลียวเป็นพื้นมาพิเศษกว่าสามัญชน
เช่นนี้จัดว่า เป็นผลของปุพเพกตปุญญตา
ท่านผู้พร้อมด้วยสมบัติ ๔ ประการนี้เป็นพื้นมาแล้ว แลตั้งอยู่ในสัมมาประโยคประกอบ
ชอบ เป็นส่วนอัตตสัมมาปณิธิ ย่อมสามารถยังกิจใหญ่ ๆ ให้สำเร็จได้โดยไม่ยาก ได้อาศัยชาติ
สมบัติแล้ว ก็อาจนำผู้อื่นที่เสมอหรือต่ำกว่าโดยชาติและตระกูลให้เพิ่มพูนความเชื่อ และสำคัญ
เพื่อจะประพฤติตามโดยง่าย กิจใด ๆ จะต้องอาศัยอานุภาพอันใหญ่หลวงจึงอาจสำเร็จ ก็จะให้กิจ
นั้น ๆ เสร็จได้ด้วยอิสริยสมบัติ กิจซึ่งจะต้องสำเร็จด้วยกำลังทรัพย์อันใหญ่ จะสามารถเสร็จได้
ด้วยโภคสมบัติ แลอาจให้กิจนั้น ๆเสร็จได้สะดวก ปราศจากอุปสรรคด้วยญาณสมบัติของตน มี
โอกาสที่จะบำเพ็ญกุศลอบรมปุพเพกตปุญญตาให้ไพบูลย์ยิ่งขึ้นต่อไป, อนึ่ง ท่านผู้มีบุรพาธิการ
หากกุศลสมภารยังไม่ให้ช่อง ก็ยังบกพร่องอยู่ด้วยอาการนั้น ๆ ครั้นกุศลได้โอกาสก็สามารถส่งให้
เจริญถึงที่ เหตุดังนั้น สมเด็จพระสุคตมหามุนี จึงทรงแสดงปุพเพกตปุญญตานั้นว่า เป็นสมบัติ
จักร อันจะพัดผันนำท่านผู้บำเพ็ญไว้แล้วนั้นให้บรรลุผลพิเศษ ดุจล้อรถ