ข้อความต้นฉบับในหน้า
กพง
ธนัญชัยไม่ทรงยอม ทรงกล่าวว่า วิธูรบัณฑิตเปรียบเช่นชีวิตคือเป็นตัวของพระเจ้าธนัญชัยเอง
วิธูรบัณฑิตได้รับเชิญให้ชี้ขาด วิธูรบัณฑิตกล่าวว่า ชื่อว่าที่พึงในโลกนี้จะเสมอด้วยคำจริงไม่มี จึง
ควรพูดแต่คำจริงเท่านั้น ความจริงตนเป็นทาสของพระราชา เมื่อพระราชาทางแพ้พนัน
พระราชทานตนเป็นค่าพนันแก่ผู้ชนะจึงจะชอบธรรม ด้วยคำจริงของวิธีรบัณฑิต ปุณณกยักษ์ก็ได้
วิธูรบัณฑิตไปนาคพิภพ พระนางวิมลาเทวีก็ได้ ทรงสดับธรรมอันไพเราะของวิธุรบัณฑิต เรื่องนี้จึง
แสดงถึงการรักษาสัจจะของวิธุรบัณฑิตที่ให้ประโยชน์และเป็นธรรมยิ่ง
อนึ่ง ท่านอุปมาสัจจะว่า เหมือนอย่างดาวประจำรุ่งไม่คลาดวิถี เที่ยงตรงอยู่ทุกฤดูกาล
และแบ่งออกเป็น ชั้น ดังที่แสดงมา แต่อธิบายว่า
ค
หนึ่ง สัจจบารมี ผู้บำเพ็ญมีนิสัยหนักแน่นอก รักพระโพธิญาณยิ่งกว่า คนที่รักและ
ทรัพย์สิน
สอง สัจจอุปบารมี ผู้บำเพ็ญมีนิสัยหนักแน่นแน่นอน รักพระโพธิญาณยิ่งกว่าอวัยวะ
ร่างกายของตน
สาม สัจจปรมัตถบารมี ผู้บำเพ็ญมีนิสัยหนักแน่นแน่นอน รักพระโพธิญาณยิ่งกว่าชีวิต
ของตนแม้จะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ชีวิต
อธิษฐานบารมี คำว่า อธิษฐานะ ที่เรามาพูดใช้เป็นภาษาไทยว่า อธิษฐาน ได้แก่
ความตั้งใจมุ่งมั่นซึ่งทุก ๆ คนจะต้องมีกิจที่พึงทำทุกอย่าง คนทุกคนทำอย่างไรมีความต้องการ
ในผลที่จะพึงได้จากการกระทำ ความสำเร็จ คือ การได้บรรลุถึงผลนั้นต้องอาศัย ธรรมะข้อหนึ่ง
คือ อธิษฐาน ได้แก่ ความตั้งใจมุ่งมั่นดังกล่าวแล้วและจำต้องมีอธิษฐานทั้งในผลทั้งในเหตุ เช่น
ในการศึกษาเล่าเรียนต้องมีอธิษฐานในผลคือ ความสำเร็จการศึกษา ในเหตุคือ ทำการศึกษาไป
โดยลำดับ ในการงานต้องมีอธิษฐานในผลคือ ความได้ทรัพย์ ยศเป็นต้น ในเหตุคือ การทำงาน
ให้ดี ในด้านความดี ต้องมีอธิษฐานในผลคือ ความมีเกียรติด้วยความดีในเหตุคือความเว้น
ความชั่วทำความดี คนโดยมากมักอธิษฐานในผล ที่ตนชอบอยู่ด้วยกันทั้งนั้น เช่น ตั้งใจมุ่งมั่น
จะเป็นนักปราชญ์ จะเป็นเศรษฐี จะได้นั่นได้นี่เป็นนั่นเป็นนี่ต่าง ๆ แต่ขาดอธิษฐานในเหตุ คือ
ความตั้งใจมุ่งมั่นอันที่จะประกอบเหตุให้สมแก่ผลที่ประสงค์ เช่น เกียจคร้านที่จะเล่าเรียนเขียน
อ่านจะให้เป็นนักปราชญ์ขึ้นมาเอง เกียจคร้านที่จะประกอบอาชีพในทางที่ชอบ เก็บหอมรอบริบ
สะสมขึ้นโดยลำดับ เหมือนอย่างก่อไฟกองน้อยให้ค่อยโตขึ้น จะให้เป็นกองโตขึ้นมาทันที ไม่ชอบ
ที่จะเว้น