ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
ยังไม่สมบูรณ์พร้อมให้สมบูรณ์
១៧២
เพื่อทรงเพิ่มพูนส่วนที่ได้บำเพ็ญแล้วให้ภัยโยยิ่ง ทรงปฏิบัติทุกสิ่ง
ทุกประการ โดยราชธรรม พระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลเลิศล้ำย่อมสำเร็จสัมฤทธิ์ แด่สมเด็จ
บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
ในศกนี้ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ขอรับพระราชทานถวายวิสัชนา พระคุณสมบัติส่วนอัตตสมบัติ
ด้วยพระไตรสรณคมน์ ส่วนปรหิตสมบัติ ด้วยรัฏฐาภิบาลโนบาย สาธกถวายด้วยพระอรหันต
ธรรมพอเป็นนิทัสสนนัย
ไตรสรณคมน์ คือการถึงสรณะทั้งสามมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ครบองค์แห่ง
พระรัตนตรัย สรณะหมายถึงที่พึ่ง ที่อาศัย ที่ปกป้อง นอกจากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
แล้วไม่มีผู้ใดอื่นสิ่งใด อื่นพึงถึงเป็นสรณะได้ สรณะมีความพิเศษจากคำที่พึ่งทั่วไป ไม่พึงนำ
คำนี้ไปใช้กับคำอื่นหรือผู้อื่นนอกจากพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยแม้จะแยกออกเป็นพระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์ แต่ก็มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแยกไม่ออก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ
เจ้าตรัสรู้พระธรรมเครื่องนำจอกจากกิเลสและกองทุกข์ ได้ทรงแสดงพระธรรมที่ตรัสรู้ด้วยพระองค์
เอง จึงทรงยังพระสงฆ์ให้เกิดขึ้น เป็นผู้ทรงพระธรรมไว้สืบทอดมาถึงทุกวันนี้ เมื่อปฏิบัติธรรมดัง
เช่นนี้ที่ปฏิบัติกักนอยู่ก็คือปฏิบัติตามคำทรงสอบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้รับมาจาก
พระสงฆ์ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพระสรณะทั้งสามก็ดังนี้ ความพิเศษของพระรัตนตรัยที่
ควรแก่คำว่าสรณะอยู่ที่ว่าการพึ่งพระรัตนตรัยปราศจากโทษแม้แต่น้อย เพราะพระธรรมเป็นความ
ถูกต้องสถานเดียว ไม่มีความผิดแม้เล็กน้อย คำสอนของใครอื่นเป็นสรณะไม่ได้เพราะวายังมี
ความบกพร่องอยู่ไม่มากก็น้อย ถือเป็นที่พึงได้แต่มิใช่เป็นสรณะเลย .
พระพุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้มีความว่า
“เมื่อบุคคลระลึกถึงพระพุทธ พระ
ธรรม และพระสงฆ์อยู่ ความกลัว ความครั่นคร้ามขนพองสยองเกล้าจักไม่มี” นี้แสดงความเป็น
ที่พึงที่เรียกว่า สรณะของพระรัตนตรัย ที่ให้ความปกป้องให้พ้นภัยได้จริงว่า จะตกเข้าไปในที่มีภัย
อันตรายมากมายเพียงใด ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ย่อมพ้นจากภัยทั้งปวงนั้น ทั้งทางกายและ
ทางใจ ทางใจคือไม่กลัว ไม่หวาดสะดุ้ง ไม่หนี มีแสดงไว้ว่า ผู้นึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระธรรม
ของพระองค์ หรือพระสงฆ์สาวกของพระองค์ แม้ตกไปในที่แวดล้อมที่น่าสะพรึงกลัว ก็จะไม่กลัว
ไม่หนี เพราะพระพุทธองค์ทรงเป็น