ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
๓๖๕
แปลว่า ท่านผู้เป็นอิสระ ยังไม่ได้พิจารณาด้วยตนเอง ยังไม่เห็นความผิดของผู้อื่นมาก หรือน้อย
ด้วยประการทั้งปวงแล้ว อย่าเพิ่งลงอาชญา ข้อหนึ่งตรัสไว้ในธรรมบทว่า
น เตน โหติ ธมฺมฏฺโฐ
เยนตถ์ สหสา นเย
เป็นต้น ความว่า บุคคลไม่ชื่อว่า เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม เพราะเหตุพิจารณาอรรถคดีโดยผลุนผลัน
ฝ่ายว่าบัณฑิตผู้ใดไม่พิจารณาโดยอาการอันผลุนผลัน เลือกถือเอาแต่ข้อที่สำคัญเป็นสาระ
เหมือนถือตราชูพิจารณาผู้อื่นโดยธรรมโดยเสมอ ปราชญ์ผู้นั้นเป็นผู้รักษาธรรม เรากล่าวว่าเป็น
ผู้ตั้งอยู่ในธรรม อีกข้อหนึ่ง ตรัสหลักคือความไม่ลุอำนาจแห่งอคติไว้ในสิงคาโลวาทสูตรเป็นต้นว่า
ฉนฺทา โทสา ภยา โมหา
นิหียติ ตสฺส ยโส
โย ธมฺม อติวตฺตติ
กาฬปกเขว จนทิมา ฯ
ผู้ใดประพฤติล่วงธรรมเพราะรัก เพราะยัง เพราะกลัว เพราะหลง ยศของผู้นั้น ย่อมเสื่อม
เหมือนพระจันทร์ในข้างแรม
ฉนฺทา โทสา ภยา โมห
โย ธมุม มาติวตฺตติ
อาปูรติ ตสฺส ยโส
สุกกปกเขว จนทิมา ។
ผู้ใดหาประพฤติล่วงธรรมเพราะรัก เพราะชัง เพราะกลัว เพราะหลงไม่ ยศของผู้นั้น ย่อมเต็ม
เปี่ยมเหมือนพระจันทร์ในข้างขึ้น
ในทางพิจารณาอธิกรณ์อันจะเกิดขึ้นในพระสงฆ์ พระองค์ก็ได้ตรัสวางวิธีพิจารณาไว้เป็น
หลักสำหรับพระวินัยธรด้วยเหมือนกัน
ทรงทำนุบำรุง
สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พร้อมด้วยรัฐบาล
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แลการเมือง ผู้มีหน้าที่ฝึกสอนแลสอบความรู้กฎหมายเป็นธรรมศาสตร
บัณฑิตปริญญา ทรงตั้งกรรมการศาลฎีกาไว้พิพากษาอรรถคดีต่างพระองค์ ทรงอุดหนุนความ
ยุติธรรมด้วยประการนั้น ๆ นี้จัดเป็นพระราชจรรยาส่วนรัฏฐาภิบาลโนบายประการหนึ่ง
อนึ่ง
ชนนิกายผู้ตั้งอยู่ต่างแคว้นอันติดต่อกันย่อมมีทางจะวิวาทแตกร้าวกันเพราะเหตุ
อาณาเขตกันบ้าง เพราะเหตุสิทธิของพสกนิกรบ้าง เพราะเหตุแย่งค้าขายบ้าง เป็นอาทิ เช่นกับ
ชนนิกรในแคว้นเดียวกัน เมื่อปรองดอง
กันลงไม่ได้ ไม่มีใครละตัดสิน