ข้อความต้นฉบับในหน้า
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส)
๕๙
บุคคลใด ไม่ทำกิจที่ตนควรจะทำเมื่อภายก่อน เขามาปรารถนารีบร้อนจะทำเมื่อภายหลัง บุคคล
นั้นก็เป็นดังมาณพผู้หักไม้ชุ่มมา ย่อมเดือดร้อนในเวลาหลังฉะนี้ แม้สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
ก็ได้ทรงพระปรารภความคลาดจากประโยชน์เพราะคลาดจากเวลาทรงภาษิตคาถา (๑) ว่า
อุฏฺฐานการมุติ อนุฏฐหาโน
ยุวา พลี อาลย์ อุเปโต
ชายผู้ยังหนุ่ม มีกำลังว่องไว แต่เข้าไปถึงความคร้าน ไม่ขยันในกาลที่ควรจะเพียร
สํสนุนสงฺกปฺปมโน กุสโต
ปญฺญาย มคฺค อลโส น วินฺทติ
มีใจในอันดำริจมเสียแล้ว มัวเกียจมัวคร้านเสีย ย่อมจะไม่ได้ประสบพบทางหรือบรรลุ โลกุต
ตรมรรคด้วยปัญญา พระพุทธภาษิตข้อนี้ควรเป็นเครื่องเตือนใจชนผู้ตั้งอยู่ในวัยอันเจริญ เพื่อ
ประกอบเพียรในสมัยที่ตนยังสามารถ
จะได้ไม่คลาดจากประโยชน์ที่จะพึงได้พึงถึงทั้งทางโลกทั้ง
ทางธรรม, บุคคลไม่รู้จักกาล ถึงคราวก็ไม่ประกอบกิจหรือทำให้ผิดเวลา ด่วนไปบ้าง ช้าไปบ้าง
ย่อมได้ความเสื่อมเสีย มีตัวอย่างดังรับพระราชทานถวายวิสัชนามา เหตุดังนี้ สมเด็จพระบรม
ศาสดาจารย์จึงประทานพระบรมพุทโธวาท (๒) เนื่องด้วยการรักษาตนไว้ว่า
นคร ยถา ปจฺจนฺต์
นครอันตั้งอยู่สุดแดน เป็นเมืองหน้าศึก
คุตติ สนฺตรพาหิร์
ชนทั้งหลาย ป้องกันรักษาเป็นกวดขัน ทั้งภายใน
ภายนอกฉันใด เอว์ โคเปถ อตฺตานํ ท่านทั้งหลาย จงระวังรักษาตนฉันนั้น ขโณ โว มา
อุปจุจคา ขณะอย่าได้ล่วงท่านทั้งหลายไปเสีย ขณาตีตา หิ โสจนฺติ เพราะชนทั้งหลาย อัน
ขณะล่วงไปเสีย ย่อมโศกเศร้ารันทด นิรยมหิ สมปุปิตา ย่อมไปเต็มแน่นอยู่ในนิรยาบาย
ดังนี้.
บุคคลผู้เป็นกาลัญญู รู้จักกาลสมัย ทำธุระให้สบเวลา ได้ชื่อว่าปฏิรูปการี ผู้ทำสมควร
ย่อมจะได้บรรลุความเจริญด้วยวิบุลผลตั้งต้นแต่โภคสมบัติ, พระคันถรจนาจารย์จะสำแดงความข้อ
นี้ให้ชัด จึงชักเรื่องจุลลกเศรษฐีมากล่าวในคัมภีร์อรรถกถาชาดกสรรเสริญความหมั่นของจุลลันเต
วาสิก ผู้รับใช้ของเศรษฐี ที่รู้จักประกอบพาณิชกรรม
(๑) ขุ. ธ. ๒๕/๕๒. (๒) ขุ. ธ. ๒๕/๕๖.