อุเบกขาและบารมีในพระพุทธศาสนา มงคลวิเสสกถา หน้า 190
หน้าที่ 190 / 390

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เน้นถึงความสำคัญของอุเบกขาในพระพุทธศาสนา โดยชี้ให้เห็นประโยชน์ของอุเบกขาในการดำเนินชีวิต รวมถึงการมีใจกลางในความยุติธรรมและการแบ่งอุเบกขาบารมีออกเป็นสามระดับ ทั้งยังได้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจซึ่งพิจารณาในแง่ของเมตตาและอุเบกขา และยกตัวอย่างพระราชดำริที่มีจริยธรรมสูงตามแนวทางของพระพุทธศาสนา

หัวข้อประเด็น

-ความสำคัญของอุเบกขา
-อุเบกขาบารมีสามประเภท
-บทบาทของอุเบกขาในพระราชกรณียกิจ
-ขันติและความอดทนในพระพุทธศาสนา
-พระราชจริยารัฏฐาภิบาล

ข้อความต้นฉบับในหน้า

และนอกจากนี้ยังแสดงว่า ท่านผู้ได้อุเบกขาแล้วก็มิใช่ว่าจะเฉยเมย เมื่อถึงคราวจะช่วย ทำอะไรก็ช่วย และช่วยทำได้ดีมากกว่าผู้ที่ไม่มีอุเบกขาเพราะช่วยโดยปราศจากอคติมุ่งธรรมเป็น ที่ตั้ง ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า “แยกตนออกมาเป็นคนกลาง ที่เรียกว่า มีอาการมัธยัสถ์เป็น กลาง พิจารณาถึงกรรมเป็นหลัง หมายถึงพิจารณาหาความจริง ว่าอะไรผิดอะไรถูก ใครผิด ใครถูกอย่างไร” ดังที่เรียกว่าโดยยุติธรรม ฉะนั้น ธรรมคือ อุเบกขานี้จึงเป็นธรรมอันสำคัญ แม้อุเบกขาบารมี ท่านก็แบ่งออกเป็น ๓ ชั้น คือ ๑. ຕ อุเบกขาบารมี คืออุเบกขาของ ผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งพระโพธิญาณรักษา ปฏิบัติในอุเบกขายิ่งกว่าคนที่รักและทรัพย์สิน ๒. อุเบกอุปขาบารมี คืออุเบกขาของผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งพระโพธิญาณรักษา ปฏิบัติในอุเบกขายิ่งกว่ารักษาอวัยวะของตน ๓. อุเบกขาปรมัตถบารมี คืออุเบกขาของผู้บำเพ็ญประโยชน์ แห่งพระโพธิญาณ รักษาปฏิบัติในอุเบกขายิ่งกว่ารักษาชีวิตของเอง สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ทรงตั้งอยู่ในเมตตาและอุเบกขาในพระราชกรณีย กิจทั้งปวง พระเมตตาจึงยิ่งใหญ่ไพศาล ควรจัดเป็นพระเมตตาบารมีได้เช่นเดียวกับสุวรรณสาม ในสุวรรณสามชาดก พระอุเบกขาก็เช่นเดียวกัน ควรจัดเป็นพระอุเบกขาบารมีได้เช่นเดียวกับพระ พรหมนารทะ ในนารทชาดก นับเป็นพระราชปฏิบัติ ส่วนอัตตสมบัติ คือ เมตตา จัดเป็นมงคล วิเสสที่ ๑ อุเบกขา จัดเป็นมงคลวิเสสที่ ๒ คือ พระราชจริยารัฏฐาภิบาลโนบายนั้น พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติกระทำเพื่อ ประโยชน์คุณแก่พระราชอาณาจักรและประชาชน จะขอรับพระราชทานถวายด้วยทศพิธราชธรรม ข้อ ๔ คือ ขันติ ความอดทน และข้อ ๑๐ คืออวิโรธนะ ความไม่ผิด โดยปรหิตปฏิบัติปริยาย ขันติ ความอดทน กิริยาที่อดทนต่อโลภะ ความอยากได้บ้าง ต่อโทสะ ความโกรธ เคืองจนถึงพยาบาทมุ่งร้ายบ้าง ต่อโมหะ ความหลงงมงายบ้าง เพราะได้ประสบอารมณ์ที่ยั่วให้ เกิด เมื่อมีอารมณ์ที่ยังให้เกิด เมื่อมีอารมณ์มาประสบสั่งให้เกิดอยากได้ อยากล้างผลาญ อยาก เบียดเบียนก็อดทนไว้ไม่แสดงวิกลวิการอันชั่วร้ายทางกายวาจาออกไปตามอำนาจแห่งโลภะ โทสะ โมหะ และอดทนต่อทุกขเวทนา มีเย็นร้อนเป็นต้นอันทำให้ลำบาก อดทนตรากตรำประกอบการ งานต่าง ๆ อดทนต่อถ้อยคำที่มีผู้กล่าวทั่วไปเป็นที่ชอบใจชื่อว่าขันติ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ๑๙๕
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More