ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร)
ความเห็นของคนมากเข้าช่วยกลั่นกรองสอบสวน
៧២៦
แต่ลางทีอาจเรรวนพลั้งพลาดได้ทั้งมาก ๆ
เพราะหากเห็นผิดหมดร่วมกันเหตุนั้น จึงสู้ธัมมาธิปไตย ความมีธรรมเป็นใหญ่ไม่ได้ เพราะมี
ธรรมเป็นหลัก ไม่อักอ่วนป่วนปั่น ไปตามความคิดความเห็นของเอกชนแลคนหมู่มาก สมเด็จ
พระผู้มีพระภาคจึงทรงสรรเสริญธัมมาธิปไตยว่า เป็นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า อธิปไตย ข้างต้นทั้งสอง
ประโยชน์ของอธิปไตยทั้ง ๓ จึงหย่อนยิ่งแคบกว้างกว่ากันโดยลำดับ ด้วยประการฉะนี้
สมเด็จฯ ทรงปกครองประชานิกรกับรัฐมณฑล ก็ทรงมุ่งผลความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศ
เป็นใหญ่ ถ้าเอกชนได้สุขประโยชน์ แต่เป็นทุกข์โทษแก่บ้านเมืองหรือสกุลวงศ์ ก็ไม่ทรงอำนวย
หรือบ้านเมือง แต่ เหตุเครื่องเสื่อมเสียแก่
ประเทศชาติ ก็ไม่ทรงปรารถนาที่จะทำนุบำรุงเกื้อกูลอุปถัมภ์ทรงมุ่งส่วนที่เป็นธรรมแลประโยชน์
อุดหนุน
หรือลางอย่างเป็นคุณแก่สกุลวงศ์
แก่ประเทศชาติเป็นปรานจึงไม่ต้องทรงวิปฏิสารป่วนปั่น หวั่นไหวไปตามความสรรเริญแลครหา
ของประชาชนทั่วไปซึ่งมีจิตใจอัธยาศัยต่าง ๆ กัน ทรงดำรงพระสติมั่น มุ่งแต่สิ่งที่เป็นสุขประโยชน์
ไม่ให้เกิดทุกข์โทษความเสื่อมเสีย แก่ประเทศชาติ หมู่คณะ สกุลวงศ์ แลเอกชน มีพระราชกมล
เต็มเปี่ยมด้วยพระกรุณา ไม่มีวิปฏิสารเดือดร้อนพระราชหฤทัยเป็นพลวปัจจัยให้ได้ทรงปกครอง
ทำนุบำรุงพระบรมวงศานุวงศ์ อาณาประชารษฎร์สมณพราหมณาจารย์ ให้ได้ความร่มเย็นเป็นสุข
ทุกทิพาราตรี พระคุณข้อนี้ เป็นมงคลวิเศษที่คำรบ ๒.
พระคุณสมบัติ คืออุบายโกศล แลสติปัฏฐานทั้งสองข้อนี้ เป็นรัฐประศาสนวิธีอุดมคุณ ซึ่ง
เป็นเหตุสนับสนุนอันสำคัญ เกื้อกูลแก่รัฏฐาภิบาลโนบาย ซึ่งต้องทรงผ่อนผันยักย้ายให้สมควรแก่
บุคคล เทศะ แลกาละ ดังจะรับพระราชทานถวายวิสัชนา ต่อไปในข้ออวสาน
พระราชจรรยารัฏฐาภิบาลโนบาย ข้อ ๓ นั้น คือ พระราชกรณียกิจที่สมเด็จ ฯ เจ้าทรงจัด
ขึ้นด้วยพระบรมเดชานุภาพ เพื่อเป็นประโยชน์คุณแก่พระราชอาณาจักรแลพระพุทธจกร กับทั้ง
ประชาชนข้าขอบขันธสีมา จะยกขึ้นพรรณนาโดยเอกเทศพอเป็นนิทัศนนัย
(รัฏฐาภิบาลโนบาย ถวายซ้ำ พ.ศ. ๒๔๖๕)
พระราชจรรยาส่วนอัตตสมบัติแลปรหิตปฏิบัติ อันเป็นที่ตั้งแห่งพระศุภสิริสวัสดิ์อุดมมงคล
อันพิเศษ มีเอกเทศดังรับพระราชทานพรรณนามา ด้วยประการฉะนี้