ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๐๖
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (กิตฺติโสภณมหาเถระ)
นิยมในพระราชพิธี ทรงพระราชอุทิศส่วนกุศลทั้งนี้ เป็นเทวดาทิศพลีธรรมบรรณาการและทรงแผ่
ส่วนพระราชกุศลแก่สรรพสัตว์ไม่มีประมาณ เป็นส่วนแห่งพระอัปปมัญญาพรหมวิหารตามคติแห่ง
พระพุทธศาสนา ฯ
ลำดับนี้
จกรับพระราชทานเลือกสรรพระคุณสมบัติที่ตั้งแห่งศุภสวัสดิมงคลอันพิเศษยิ่ง
ซึ่งได้ชื่อว่า มงคลวิเสส มาถวายวิสัชนาเพื่อประดับพระปัญญาบารมีได้ทรงสดับแล้ว ทรงพระ
อนุสรณ์ด้วยกำลังพระปรีชาญาณพระราชปณิธานเพื่อจะทรงบำเพ็ญจะพึงเกิดมีแด่สมเด็จบรม
บพิตรพระราชสมภารเจ้า แต่นั้นทรงพระราชอุตสาหะ ด้วยพระอาการอันชอบ เพื่อจะยังพระ
คุณสมบัตินั้น ๆ อันยังหย่อนให้บริบูรณ์ เพื่อเพิ่มพูนส่วนที่ได้ทรงบำเพ็ญแล้วให้ไพบูลย์ยิ่ง ทรง
ปฏิบัติอยู่โดยราชธรรม พระราชสิริสวัสดีพิพัฒนมงคลจะพึงสำเร็จแด่สมเด็จบรมบพิตรพระราช
สมภารเจ้า เพราะพระราชจรรยานั้นเป็นปัจจัย ฯ
ในศกนี้ (๒๔๙๕)ได้เลือกมาถวายวิสัชนา
รัฏฐาภิบาลโนปาย ๑.
๓
ประการ คือ สหกรณ์ ๑ สันติ ๑ และ
สหกรณ์ นั้น คือการทำร่วมกัน ย่อมเป็นไปทั้งในสังขารทั้งในกิจการอันมีความทำร่วมกัน
โดยสภาวะและโดยหน้าที่ เพื่อสำเร็จแห่งกิจอันประกอบด้วยร่วมกัน ตลอดถึงกิจอันแยกออกเป็น
ต่างหน้าที่ แต่จำต้องสัมพันธ์กันโดยเหตุผล ฯ อุทาหรณ์เช่น ส่วนแห่งอวัยวะทั้งหลาย อันคุม
กันเข้าเป็นสรีระนี้ ต่างมีหน้าที่เป็นแผนก ๆ ช่วยกันบำรุงสรีระให้เป็นไป ยังพรักพร้อมทำหน้าที่
ร่วมกันเพียงใด ความผาสุกแห่งสรีระย่อมมีเพียงนั้น ส่วนแห่งอวัยวะเหล่านั้นต่างย่อมได้ความ
สะดวกแห่งกิจของตนตามหน้าที่ ถ้าส่วนอวัยวะอันหนึ่ง หรือมากกว่านั้น ทำหน้าที่บกพร่องไม่
สม่ำเสมอ ส่วนอื่นก็พลอดทำหน้าที่ ไม่สะดวกไปด้วย มากน้อยตามส่วนอันเสียไปนั้น ที่เป็น
อุปการะแก่ความเป็นไปแห่งสรีระเพียงไร ถ้าเป็นส่วนสำคัญเพียงอันเดียว ก็อาจทำส่วนอื่น ๆ ให้
ติดขัดไปตามกัน แต่นั้น สรีระก็ไม่ผาสุก กล่าวคือมีโรคเกิดขึ้นตัดรอนทอนกำลังแห่งสรีระนั้นเอง
ถึงเป็นอันตรายก็ได้ ส่วนทั้งหลายแห่งสรีระ ย่อมต้องการสหกรณ์แห่งกันและกันโดยธรรมดา
นิยม ด้วยประการฉะนี้ ฯ มีพระบาลีแสดงผลแห่งสหกรณ์ แห่งส่วนสรีระทั้งหลายว่า “อปปา
พาโธ อปปาตงโก สมเวปากิริยา คณิยา สมนนาคโต นาติสีตาย นาจจุณหาย มชุฒิ
มาย ปธานกุขมาย แปลว่า มีเจ็บไข้น้อย ประกอบด้วยเตโชธาตุอบอุ่นพอเสมอ ไม่เย็นนัก
ไม่ร้อนนัก เป็นประมาณกลาง ควรแก่ความเพียร