ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๕๙
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงท่องเที่ยวไปในโคจร (ที่เที่ยว) ซึ่งเป็นวิสัยอันสืบมา
จากบิดาของตนจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง จักเจริญด้วยสุขบ้าง จักเจริญด้วย
โภคะบ้าง จักเจริญด้วยพละบ้าง”
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเรื่องอายุของภิกษุ มีอธิบายอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยฉันทสมาธิ สมาธิที่มีฉันทะเป็นเหตุหรือเป็นใหญ่ คือ
ทำฉันทะให้เป็นอธิบดี (เป็นใหญ่) จึงได้สมาธิ ได้เอกัคคตาแห่งจิตปธานสังขาร สังขารคือความ
เพียรพยายามเป็นปธาน คือความเพียร ๔ อย่าง คือ ภิกษุนั้นทำฉันทะให้เกิด พยายามปรารภ
ความเพียร ประคองจิตไว้ ทำความเพียร เพื่อป้องกันบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดมิให้เกิดขึ้น เพื่อ
ละบาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เพื่อสร้างกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้นแล้ว ฉันทะสมาธิและ
ปธานสังขารดังกล่าวมานี้ ประมวลย่อ ๒ อย่างนั้นเข้าเป็นอันเดียวกันย่อมถึง ซึ่งอันนับว่าฉันทส
มาธิปธานสังขาร”
ก็ภิกษุ
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาท อัน
ประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร เจริญอิทธิบาท ประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขารแม้
ข้อนี้ก็มีอธิบายเช่นเดียวกับข้อที่หนึ่ง คือ ฉันทะสมาธิปธานสังขาร
๓
๑
ภิกษุนั้น เพราะกระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้ เมื่อปรารถนาก็พึ่งตั้งอยู่ได้ถึงกับ
หรือเกินกว่ากัป
อธิบายตามนวโกวาทว่า อิทธิบาท คือคุณเครื่องให้สำเร็จความประสงค์ ๔ อย่าง
๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ เพียรประกอบสิ่งนั้น
๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้นไม่วางธุระ
๔. วิมังสา หมั่นตริตรองพิจารณาเหตุผลในสิ่งนั้น
คุณ ๔ อย่างนี้ มีบริบูรณ์แล้วอาจชักนำบุคคลให้ถึงสิ่งที่ต้องประสงค์ซึ่งไม่เหลือวิสัย สิ่ง
ที่ต้องประสงค์นั้นก็ไม่จำกัดว่าสิ่งใด
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรวมไว้ในหมวด โพธิปักขิยธรรม
ธรรมเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ ๓๗ ประการ ในจักกวัตติสูตรนี้ แสดงว่าอิทธิบาท ๔ นี้แต่ละ
ข้อเป็นอธิบดีให้ได้สมาธิ ประกอบด้วย สัมมัปปธาน ความเพียรชอบ ๔ ข้อ และแสดงยกภิกษุ
เป็นที่ตั้งในทางเจริญอายุโดยความมุ่งหมาย ย่อม