ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
๓๕๔
ในเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น และพระศาสดาตรัสถามย่อมกราบทูลด้วยความจริงใจ เช่นนี้ พระศาสดาทรง
สามารถแก้ความเสื่อมเสียและความบกพร่องของสาวกเฉพาะรูปให้ดีขึ้น แลอาจอุปถัมภ์คุณความดี
ของสาวกลางรูปให้ไพบูลย์ เป็นอันบริหารคณะดีได้โดยสะดวก ความเป็นผู้ตรง ๆ นี้ เป็น
คุณสมบัติที่ท่านยกย่องประการหนึ่งของพระสาวก ดังมีแจ้งในอนุสรณ์ปาฐะว่า อุชุปฏิปนฺโน ภคว
โต สาวกสังโฆ แปลว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าปฏิบัติตรง ฝ่ายพระศาสดาก็ทรง
ปฏิบัติตรง ๆ ต่อสาวกเหมือนกัน เมื่อตรัสรู้ใหม่ทรงพิจารณาถึงธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ว่า เป็นคุณ
อันลึกเกินไป ยากที่ชนผู้ยินดีในกามคุณจึงเห็นตาม ถ้าทรงแสดงจักเป็นความลำบากแก่พระองค์
เปล่า
แต่กำลังพระมหากรุณาเตือนพระหฤทัย จึงได้เกิดพระอุตสาหะแลทรงแสดงพระธรรม
เทศนาพระองค์ตรัสเล่าแก่สากตรง
ๆ ไม่จำความไว้ เลือกตรัสแต่เฉพาะส่วนข้างดี เสด็จพระ
พุทธดำเนินไป ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงนครพาราณสี ที่อยู่ของพระปัญจวัคคีย์ผู้ได้
อุปัฏฐากพระองค์มาครั้งทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา เพื่อแสดงประถมเทศนาพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร
พระองค์ตรัสบอกแก่พระปัญจวัคคีย์ว่า พระองค์ได้ตรัสรู้ธรรมพิเศษสมหมายแล้ว จึงตั้งโสตลงเพื่อ
ฟังธรรมเถิด พระวาจานี้ดูเป็นที่อวดอ้าง พระปัญจวัคคีย์จึงคัดค้านว่า ครั้งทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา
ยังไม่ได้ทรงบรรลุเลย เหตุไฉนเมื่อทรงเลิกทุกรกิริยาเสียแล้ว จักได้บรรลุเล่า ต่อเมื่อตรัสให้ระลึก
ถึงหนหลังว่า พระวาจาเช่นนี้พระองค์ได้เคยตรัสบ้างหรือไม่ เธอเหล่านั้นจึงได้ปลงใจเชื่อแลตั้งโสต
ลงคอยฟัง แต่ความจริงพระองค์ตรัสบอกตรง
ๆ พระองค์ทรงสั่งสอนพระสาวก ทรงเปิดเผ็ด
ความรู้สิ้นเชิง หาทรงอำพรางอย่างคนหวง วิทยาไม่ จึงได้รับสรรเสริญว่า อภิญฺญาย โข โส
ภควา ธมฺม เทเสติ โน อนภิญฺญาย แปลว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า นั้น ทรงแสดงธรรมเพื่อรู้ยิ่ง
หาทรงแสดงธรรมเพื่อฉงนไม่ ในพระพุทธศาสนา พระศาสดาแลพระสาวกต่างประพฤติตรง ๆ ต่อ
กันอย่างนี้ นอกจากนี้ท่านแสดงว่า อาชวะเป็นข้อปฏิบัติ เป็นไปเพื่อสันตบททางระงับ กล่าวคือพระ
นิพพาน ดังมีแจ้งในเมตตสูตรว่า สกโก อุซุ จ สุหุช จ ซึ่งแปลว่า ผู้ฉลาดในประโยชน์ ผู้ใคร่
จะบรรลุสันตบท จึงเป็นผู้หาญแลเป็นผู้ตรง เป็นผู้ซื่อตรงเถิด ในฝ่ายคฤหัสถ์ ท่านจัดอาชีวะไว้
เป็นราชธรรมประการหนึ่ง ซึ่งพระราชาธิบดี ทรงประพฤติด้วยพระองค์เองแลทรงแนะนำผู้อื่นให้
ประพฤติตาม เป็นผู้กับมัทวะ ความอ่อนโยน สงเคราะห์ไว้ในทศพิธราชธรรม, ทรงตั้งพระราช
กำหนดไว้ ให้คนผู้จะเข้ามาเบิกความเป็นพยานในศาลต้องสาบานก่อนก็ดี ให้ลงโทษพยานผู้เบิก
ความเท็จก็ดี ให้ปรานีลงโทษจำเลยใน